คุณกำลังมองหาวิธีทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ของคุณยืนหนึ่งท่ามกลางคู่แข่งออนไลน์อยู่หรือเปล่า
ร้านค้าออนไลน์ที่ดูเป็นมืออาชีพคือตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริง การมีเครื่องมือ E-Commerce ที่เหมาะกับ SME ของคุณจะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและเพิ่มยอดขายได้
คำถามคือคุณจะเลือกแพลตฟอร์มไหนให้กับธุรกิจที่กำลังเติบโตของคุณดีล่ะ บทความนี้จะพูดถึงแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดซึ่งสร้างมาเพื่อ SME โดยเฉพาะ
6 แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุด
1. Shopify

- ราคา: 29 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ Shopify Basic
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: 3 วัน
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, ตลาดการค้า, การค้นหาออนไลน์, B2B, และอื่นๆ
- แอปมือถือ: มี
- POS ในตัว: มี
- คะแนน G2 ⭐: 4.4/5
Shopify เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุด เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ครบวงจรมาพร้อมกับเครื่องมือในการขายออนไลน์ การขายแบบพบหน้า โซเชียลมีเดีย และตลาดต่าง ๆ โดย Shopify ช่วยให้คุณสามารถออกแบบร้านค้าของคุณโดยใช้ธีมที่ออกแบบอย่างมืออาชีพได้มากกว่า 100 แบบ โดยที่คุณไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ดเลย
ระบบเช็คเอาต์ในตัวช่วยให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอยู่ในระดับที่สามารถจ่ายได้ ในขณะที่ Shopify POS ช่วยให้ธุรกิจสามารถประมวลผลการขายแบบพบหน้าได้ โดยผู้ค้าของ Shopify จะได้รับอัตราค่าขนส่งในระดับเดียวกับท้องตลาดจาก USPS, UPS, DHL Express และผู้ให้บริการรายอื่น ๆ
สำหรับการโฮสต์เว็บไซต์ แพลตฟอร์มของ Shopify มีแบนด์วิดธ์และพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ไม่จำกัด ดังนั้นต่อให้ SME ของคุณเติบโตขึ้น ราคาการโฮสต์ก็จะยังเท่าเดิม
Shopify มีฟีเจอร์การตลาดทางอีเมล การกู้คืนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง และเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือค้นหา คุณสามารถจัดการธุรกิจของคุณได้จากโทรศัพท์มือถือด้วยแอปมือถือของ Shopify ซึ่งคุณสามารถทำการสั่งซื้อ เพิ่มสินค้า ดูยอดขายแบบเรียลไทม์ และอื่น ๆ ได้
ถ้าอยากได้ฟีเจอร์ไหนอีก คุณก็สามารถดูที่คลังซึ่งที่มีแอปจากภายนอกมากกว่า 8,000 แอป เพื่อยกระดับความสามารถของเว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอีก
ดูสิ่งที่คุณสามารถสร้างได้ด้วย Shopify และค้นหาแรงบันดาลใจเพื่อร้านค้า E-Commerce ของคุณจากตัวอย่างจาก SME ที่ประสบความสำเร็จที่เลือกใช้ Shopify
2. WooCommerce

- ราคา: ฟรี (ไม่รวมฟีเจอร์ E-Commerce ที่จำเป็นต้องมี เช่น โฮสติ้ง, การลงทะเบียนโดเมนและ SSL, บริการขนส่ง และการประมวลผลการชำระเงิน)
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: ไม่มี
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, การค้นหาออนไลน์, ตลาดการค้า, โซเชียลมีเดีย
- แอปมือถือ: มี (ด้วยฟังก์ชันการทำงานแบบจำกัด)
- POS ในตัว: มี
- คะแนน G2 ⭐: 4.4/5
WooCommerce เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ของ WordPress ที่เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มสำหรับเว็บไซต์บล็อก และได้พัฒนาเป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำหรับ SME โดยมีตัวเลือกในการเพิ่ม WooCommerce เพื่อให้สามารถขายออนไลน์ได้
WooCommerce เป็นโอเพนซอร์ส ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับแต่งได้ในระดับสูงหากคุณมีทักษะเชิงเทคนิคในการออกแบบและเขียนโค้ดเว็บไซต์
โดยจะเหมือนกับ Shopify ตรงที่มีการผสานการทำงานเข้ากับบริษัทภายนอกเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของแพลตฟอร์ม โดย WooCommerce นั้นถึงจะเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจแบบฟรี แต่เมื่อ SME ของคุณเติบโตขึ้น คุณอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อความสามารถที่มากขึ้น
สร้างรายได้จากบล็อก WordPress ของคุณโดยไม่ต้องย้ายไปยังแพลตฟอร์มใหม่ด้วย Buy Button จาก Shopify โดยคุณสามารถฝังปุ่ม สินค้า และเช็คเอาต์บนเว็บไซต์ใดก็ได้
3. Squarespace

Squarespace มีเครื่องมือแบบลากและวางเพื่อช่วยตั้งค่าร้านค้า E-Commerce
- ราคา: เดือนละ 23 ดอลลาร์สำหรับแพ็กเกจธุรกิจ
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: 14 วัน พร้อมการขยายเวลาแบบครั้งเดียว
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, โซเชียลมีเดีย, ตลาดการค้า
- แอปมือถือ: มี
- POS ในตัว: มี (แอปมือถือ)
- คะแนน G2 ⭐: 4.4/5
Squarespace เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่มีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย โดยคุณสามารถตั้งค่าร้านค้าออนไลน์โดยใช้เทมเพลตของ Squarespace ที่มีเครื่องมือแบบลากและวาง และฟังก์ชันการทำงานที่เชื่อถือได้
Squarespace เริ่มต้นจากการเป็นโปรแกรมสร้างเว็บไซต์แบบเรียบง่าย และได้เพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อรองรับผู้ค้า โดยผู้ใช้ Squarespace หลายรายเป็นผู้สร้างสรรค์ที่ขายบริการหรือสินค้าแฮนด์เมด
มีฟีเจอร์อย่างการจัดตารางเวลาและการผสานการทำงานกับปฏิทิน การตลาดทางอีเมล การผสานการทำงานกับโซเชียลมีเดีย และแผนที่ที่สามารถฝังได้เพื่อช่วยให้ผู้คนค้นหาร้านค้าของคุณได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Squarespace ยังมีการเรียกเก็บเงินแบบประจำสำหรับธุรกิจที่มีการสมัครสมาชิกด้วย
4. Wix

- ราคา: เดือนละ 29 ดอลลาร์สำหรับแพ็กเกจ Core โดยมีฟีเจอร์ E-Commerce แบบจำกัด
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีแบบจำกัด
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, โซเชียลมีเดีย, ตลาดการค้า, แอปของแบรนด์
- แอปมือถือ: มี (ฟังก์ชันการทำงานแบบจำกัด)
- POS ในตัว: มี
- คะแนน G2 ⭐: 4.2/5
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME Wix มีเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีฟีเจอร์เฉพาะทาง โดยแพ็กเกจที่ต้องชำระเงินจะมีความสามารถด้าน E-Commerce รวมถึงการติดตามคำสั่งซื้อ การชำระเงินออนไลน์ การขายในหลายช่องทาง และ แคมเปญตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง ซึ่งคุณต้องมีแพ็กเกจแบบชำระเงินสำหรับการเข้าถึงการติดตามการวิเคราะห์เพื่อดูตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักของ E-Commerce
ในแง่ของการออกแบบร้านค้าออนไลน์นั้นก็มีเทมเพลตให้เลือกมากกว่า 500 แบบ อินเทอร์เฟซแบบลากและวางช่วยให้คุณปรับแต่ง Looks and Feel ของร้านค้าออนไลน์ได้ โดย Wix รองรับการเรียกเก็บเงินแบบสมัครสมาชิกและการจัดส่งผ่านบริษัทภายนอก
5. Square Online

- ราคา: ฟรี พร้อมฟีเจอร์ E-Commerce แบบจำกัด
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: ไม่มี
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, การค้นหาออนไลน์, โซเชียลมีเดีย
- แอปมือถือ: มี
- POS ในตัว: มี
- คะแนน G2 ⭐: 4.2/5
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME Square เริ่มจากการเป็นบริการประมวลผลการชำระเงินสำหรับผู้ค้าปลีก แต่ได้ต่อยอดไปยังเครื่องมือจัดการธุรกิจอื่น ๆ โดยหนึ่งในนั้นคือ Square Online ร้านค้าออนไลน์ที่มีเทมเพลตที่ออกแบบมาเพื่อ SME โดยเฉพาะ เช่น ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร โดย Square Online มีการประมวลผลการชำระเงินในตัวพร้อมค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในราคาที่เหมาะกับตลาด
6. BigCommerce

- ราคา: เดือนละ 29 ดอลลาร์ สำหรับแพ็กเกจมาตรฐาน
- ระยะเวลาทดลองใช้งานฟรี: 15 วัน
- ช่องทางการขายที่มีให้บริการ: ร้านค้าออนไลน์, การขายแบบพบหน้า, โซเชียลมีเดีย, ตลาดการค้า, เครื่องมือเปรียบเทียบการชอปปิง
- แอปมือถือ: มี (ฟีเจอร์บางอย่างใช้ได้เฉพาะ Android เท่านั้น)
- POS ในตัว: ไม่มี
- คะแนน G2 ⭐: 4.2/5
BigCommerce เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่มุ่งเป้าไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ บริษัท และองค์กร โดย SME ที่กำลังเติบโตอาจได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์การค้าระหว่างประเทศและเครื่องมือสำหรับการขายหลายช่องทางบนโซเชียลมีเดียและตลาดจากภายนอก
วิธีเลือกแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ของคุณ
ค่าใช้จ่ายและราคา
งบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อต้องเลือกแพลตฟอร์มเพื่อ SME ให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเบื้องต้นและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการโฮสติ้ง ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม บริการเสริมหรือปลั๊กอินเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่จำเป็น
ความสะดวกในการใช้งาน
แพลตฟอร์ม E-Commerce ของคุณควรใช้งานสะดวกและเข้าใจได้ง่าย โดยคุณควรสามารถเพิ่มสินค้า สร้างส่วนลด จัดการคำสั่งซื้อและคลังสินค้า และทำงานอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะถ้าหากคุณไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยี
ความสามารถในการปรับขนาดตามธุรกิจ
คุณต้องการแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณ โดยจะต้องแน่ใจว่าสามารถรองรับการเข้าชมและยอดขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อธุรกิจของคุณขยายตัวได้ แพลตฟอร์มที่สามารถปรับขนาดตามธุรกิจได้ด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมนั้นเป็นตัวเลือกที่ดี
ตัวเลือกการปรับแต่ง
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุด ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่สะท้อนถึงแบรนด์ของคุณได้ ซึ่งรวมถึงร้านค้าที่คุณสร้างขึ้นเอง รูปแบบที่ปรับแต่งได้ และความสามารถในการเพิ่มหรือลบองค์ประกอบบนหน้าได้ตามต้องการ
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญใน E-Commerce เนื่องจากคุณจะต้องจัดการข้อมูลสำคัญของลูกค้าอย่างข้อมูลบัตรเครดิต โดยจะต้องแน่ใจว่าแพลตฟอร์มที่คุณเลือกนั้นเป็นไปตามมาตรฐาน PCI-DSS และมีใบรับรอง SSL
การผสานการทำงานเข้ากับระบบอื่น
คุณอาจต้องการให้แพลตฟอร์ม E-Commerce ของคุณผสานการทำงานเข้ากับซอฟต์แวร์อื่นที่คุณใช้ เช่น บริการการตลาดทางอีเมล ซอฟต์แวร์บัญชี หรือระบบการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า คุณจะต้องดูว่าแพลตฟอร์มนั้นรองรับการผสานการทำงานเหล่านี้หรือไม่
การตอบสนองต่อมือถือ
ทุกวันนี้การชอปปิงผ่านมือถือนั้นเพิ่มขึ้นมาก แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ของคุณต้องใช้งานได้อย่างราบรื่นในทุกอุปกรณ์ คุณจะต้องดูว่าแพลตฟอร์มนั้นมีธีมที่ปรับให้เหมาะกับมือถือหรือไม่
การช่วยเหลือลูกค้า
มองหาแพลตฟอร์มที่ให้บริการลูกค้าที่เชื่อถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง นี่จะเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณเจอปัญหาหรือมีคำถามเกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม
เครื่องมือการตลาด
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ของคุณควรสนับสนุนความพยายามทางการตลาดของคุณ มองหาแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ เช่น การรวมโซเชียลมีเดีย การตลาดทางอีเมล การกู้คืนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง และรีวิวจากลูกค้า
การจัดการสินค้าคงคลัง
คุณอาจต้องมีแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์การจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำเข้า/ส่งออกเป็นจำนวนมาก การแจ้งเตือนสต็อกสินค้า และการสนับสนุนสำหรับสินค้าที่หลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของแค็ตตาล็อกสินค้าของคุณด้วย
ตัวเลือกการชำระเงิน
แพลตฟอร์มควรรองรับตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน เช่น บัตรเครดิตและบัตรเดบิต หรือช่องทางอย่าง Shop Pay, Apple Pay และอื่น ๆ
เปรียบเทียบแพลตฟอร์ม E-Commerce SME
ดูว่า Shopify นั้นเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับเครื่องมือเพื่อ SME อื่น ๆ
- Shopify vs. BigCommerce
- Shopify vs. Salesforce Commerce Cloud
- Shopify vs. Lightspeed
- Shopify vs. Magento
- Shopify vs. Prestashop
- Shopify vs. Squarespace
- Shopify vs. Webflow
- Shopify vs. Wix
- Shopify vs. WooCommerce
- Shopify vs. WordPress
การค้นหาแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่เหมาะกับ SME ของคุณ
การเลือกแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุดนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของคุณ ไม่ว่าคุณจะเน้นที่งบประมาณ ฟีเจอร์ หรือความสำคัญอื่น ๆ คุณจะมีตัวเลือกที่เหมาะสมเสมอ
สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและสามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณได้ ลองทดสอบหลาย ๆ ตัวเลือกโดยการลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้งานฟรีก่อนที่จะตัดสินใจใช้จริง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุด
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุด มีอะไรบ้าง?
- Shopify
- WooCommerce
- Squarespace
- Wix
- Weebly
แพลตฟอร์ม E-Commerce SME ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นคืออะไร?
Shopify ขึ้นชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยมีแพ็กเกจแบบครบวงจรที่รวมเครื่องมือสำหรับการขายออนไลน์ การขายแบบพบหน้า และผ่านโซเชียลมีเดียหรือตลาดจากภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ Shopify ยังมีฟีเจอร์อย่างแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด การตลาดทางอีเมล การกู้คืนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง และการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือค้นหา (SEO) เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่สามารถเริ่มต้นและเติบโตในโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
SME ส่วนใหญ่ใช้เว็บไซต์ E-Commerce เจ้าไหน?
SME ส่วนใหญ่ใช้ Shopify เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce เนื่องจากอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการปรับขนาดตามธุรกิจ
ข้อใดคือฟีเจอร์ที่ควรมองหาในแพลตฟอร์ม E-Commerce SME?
เมื่อเลือกแพลตฟอร์ม E-Commerce SME ของคุณ ให้เน้นที่ฟีเจอร์ต่อไปนี้
- ใช้งานง่าย: เลือกแพลตฟอร์มที่ตั้งค่าและจัดการได้ง่าย
- รองรับมือถือ: เนื่องจากผู้คนจำนวนมากชอบชอปปิงผ่านมือถือ ร้านค้าของคุณควรทำงานได้ดีในอุปกรณ์มือถือ
- การชำระเงินที่ปลอดภัย: ดูให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มสามารถประมวลผลการชำระเงินได้อย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ
- ฟีเจอร์ SEO: เครื่องมือที่ช่วยปรับปรุงอันดับการค้นหาของเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดให้คนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น
- การควบคุมคลังสินค้า: เครื่องมือจัดการคลังสินค้าที่ดีจะให้รู้จำนวนสินค้าในคลังอยู่ตลอด ช่วยป้องกันปัญหาอย่างการขายสินค้าเกินจำนวนที่มีอยู่จริง หรือไม่มีสินค้าพร้อมขาย