ตลาดออนไลน์เต็มไปด้วยสติกเกอร์สร้างสรรค์ที่มีหลากหลายแนวและสไตล์ ไม่ว่าคุณจะต้องการสติกเกอร์ไว้ตกแต่งขวดน้ำ ไว้ติดเคสให้โทรศัพท์ของคุณโดดเด่น หรือติดกระเป๋าเดินทางให้โดดเด่นเหนือใครในสนามบิน สติกเกอร์เป็นวิธีง่ายๆ ในการตกแต่งของใช้ในชีวิตประจำวันที่ใครก็สามารถทำได้
หากคุณเป็นศิลปิน การเปลี่ยนภาพวาดของคุณให้เป็นสติกเกอร์นั้นเป็นขั้นตอนที่แสนง่าย และการเริ่มทำร้านสติกเกอร์ก็เป็นไอเดียธุรกิจที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ เข้าถึงได้ทุกคน และไม่ต้องใช้ทุนมาก
โพสต์นี้จะพูดถึงวิธีทำสติกเกอร์ขาย ตั้งแต่ขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็นในการสร้างและพิมพ์สติกเกอร์ และยังจะได้เรียนรู้วิธีการขายสติกเกอร์ของคุณบนออนไลน์ผ่านตลาดหรือร้านค้าออนไลน์
แถมยังได้อ่านแรงบันดาลใจจากสองผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจสติกเกอร์ของตนจนประสบความสำเร็จด้วย
พร้อมที่เริ่มธุรกิจของคุณแล้วใช่ไหม? สร้างเว็บไซต์ของคุณตอนนี้เลย หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือของ Shopify สำหรับการขายออนไลน์และขายหน้าร้าน
วิธีทำสติกเกอร์ขายด้วย 5 ขั้นตอน
- ออกแบบสติกเกอร์ของคุณ
- ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างสติกเกอร์
- เลือกประเภทของสติกเกอร์
- พิมพ์สติกเกอร์ของคุณ
- ตัดสติกเกอร์ของคุณ
นี่คือ 5 ขั้นตอนที่ผู้ผลิตสติกเกอร์ส่วนใหญ่ทำตามเพื่อเปลี่ยนผลงานศิลปะของตนให้เป็นสินค้าที่ขายได้
1. ออกแบบสติกเกอร์ของคุณ
ขั้นแรกในการวิธีทำสติกเกอร์ขาย เริ่มจากการดีไซน์ และการออกแบบสติกเกอร์ไม่ใช่แค่จัดเรียงภาพและข้อความ แต่คุณจะต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ดีพอที่จะเข้าใจว่ารูปภาพและดีไซน์แบบไหนที่จะโดนใจพวกเขา ตัวอย่างเช่น ดีไซน์สำหรับเด็กอาจเป็นอะไรที่ดูสนุกสนานและมีสีสัน ในขณะที่ดีไซน์สำหรับธุรกิจอาจต้องเรียบหรูและดูเป็นมืออาชีพกว่า
เนื่องจากทั่วไปแล้วสติกเกอร์มักมีขนาดเล็ก ดีไซน์การออกแบบที่เข้าใจง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยการออกแบบที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาจะทำให้คนเข้าใจข้อความหรือภาพได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
การเลือกใช้สีที่มีความตัดกันสูงจะช่วยให้สติกเกอร์ของคุณโดดเด่นและดึงดูดความสนใจได้แม้มองเห็นจากระยะไกล แต่อย่าลืมว่าสีไม่ใช่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์และปฏิกิริยาที่แตกต่างกันได้ ให้ลองนึกถึงผลกระทบทางจิตวิทยาที่อาจเกิดจากการเลือกสีของคุณด้วย
สำหรับข้อความ ให้เลือกฟอนต์ที่อ่านง่ายและมีความตัดกันกับพื้นหลัง ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนอ่านข้อความของคุณได้ในทันที
อย่ากลัวที่จะเล่นกับรูปทรงสติกเกอร์ของคุณ พยายามเลี่ยงการใช้รูปทรงมาตรฐาน เช่น สี่เหลี่ยมหรือวงกลม เพื่อให้ผลงานสร้างสรรค์ของคุณน่าสนใจและเป็นที่จดจำมากขึ้น เมื่อเลือกที่จะเล่นกับรูปทรงสติกเกอร์ที่แหวกแนว คุณจะต้องทำให้สติกเกอร์มีขอบที่ชัดเจน ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เครื่องพิมพ์สติกเกอร์สามารถตรวจหาขอบสติกเกอร์ของคุณเจอและทำการตัดที่ซับซ้อนได้
2. ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างสติกเกอร์
วิธีการทำสติกเกอร์ขาย ส่วนใหญ่จะใช้แอปพลิเคชันวาดภาพหรือซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิกเพื่อสร้างแบบ ซึ่งจะช่วยในการจัดวางภาพและข้อความ และทำให้ผลงานออกแบบของคุณสามารถนำไปตัดด้วยเครื่องอย่าง Cricut หรืออุปกรณ์ในลักษณะเดียวกันได้
หากคุณใช้วิธีวาดสติกเกอร์เองบนกระดาษ คุณสามารถอัปโหลดภาพสแกนความละเอียดสูงได้ หรือคุณจะอัปโหลดภาพสแกนของผลงานจริงเพื่อสร้างสติกเกอร์จากภาพวาดหรือภาพประกอบของคุณก็ได้
สิ่งที่สำคัญสุดที่คุณต้องไม่ลืมเมื่ออัปโหลดภาพคือเรื่องความละเอียด
ชิ้นงานที่อัปโหลดควรมีขนาดเท่ากับหรือใหญ่กว่าขนาดของสติกเกอร์ และมีความละเอียดขั้นต่ำที่ 300 dpi (จุดต่อนิ้ว)
บันทึกภาพของคุณในรูปแบบไฟล์ CMYK เพื่อที่จะสร้างสีสติกเกอร์ของคุณได้อย่างถูกต้อง
นี่คือซอฟต์แวร์ออกแบบสติกเกอร์ที่ได้รับความนิยม
Procreate

วิธีทำสติกเกอร์ขายด้วยโปรแกรม Procreate เป็นที่นิยมพอสมควร เนื่องจากเป็นโปรแกรมวาดภาพสำหรับแท็บเล็ต iOS โดยคุณสามารถวาด ระบายสี และเพิ่มพื้นผิวให้กับรูปภาพดิจิทัลได้ด้วยการใช้ Apple Pencil ระบบสัมผัสได้
หนึ่งในฟีเจอร์ยอดนิยมของ Procreate คือความสามารถในการอัปโหลดแปรงแบบกำหนดเอง ซึ่งเลียนแบบลักษณะของปากกา ดินสอ และเครื่องมือวาดภาพอื่น ๆ
นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มเม็ดและรอยตำหนิเพื่อให้สติกเกอร์ของคุณดูเหมือนงานแฮนด์เมดได้ด้วย
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว คุณก็สามารถบันทึกงานศิลปะของคุณในรูปแบบไฟล์ความละเอียดสูงและ Export เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือพิมพ์งานออกมาได้อย่างง่ายดาย
Adobe Illustrator

Adobe Illustrator เป็นซอฟต์แวร์การออกแบบกราฟิกระดับมืออาชีพ คุณสามารถสร้างสติกเกอร์แบบพรีเมียมและดีไซน์ที่ซับซ้อนได้ด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ที่หลากหลาย
วิธีทำสติกเกอร์ขายด้วยโปรแกรมนี้ทำให้คุณสามารถใช้ Illustrator สร้างงานศิลปะที่เป็นเวกเตอร์ เพิ่มข้อความ ใช้เอฟเฟกต์ และ Export ผลงานของคุณในรูปแบบต่าง ๆ ได้
หากต้องการใช้เครื่องมือทำสติกเกอร์ระดับเริ่มต้นฟรี คุณสามารถลองใช้ Adobe Express ซึ่งมีแผ่นสติกเกอร์และเทมเพลตที่สร้างไว้ให้แล้ว พร้อมข้อความ สี และกราฟิกที่สามารถปรับแก้ได้
Canva

Canva เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำสติกเกอร์ขาย โดยผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตหลากหลายแบบที่สามารถปรับแต่งได้ที่ออกแบบมาเพื่อการทำสติกเกอร์โดยเฉพาะ หรือจะเริ่มใหม่หมดเลยก็ได้ แถมยังมีคลังแบบฟอนต์ รูปภาพ และรูปทรงอีกมากมายเพื่อสร้างผลงานของคุณ
นอกจากนี้ Canva ยังมีบริการพิมพ์สติกเกอร์ ที่ช่วยให้คุณทำสติกเกอร์ได้ง่าย ๆ
3. เลือกประเภทของสติกเกอร์
การเลือกวัสดุของสติกเกอร์จะมีผลต่อรูปลักษณ์และความรู้สึกของผลงานที่คุณสร้าง วัสดุที่ใช้พิมพ์สติกเกอร์ควรตรงกับจุดประสงค์ในการใช้งานของสติกเกอร์
ตัวอย่างเช่น สติกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อติดที่กันชนรถยนต์จำเป็นต้องมีพื้นผิวที่ทนต่อสภาพอากาศ ในขณะที่สติกเกอร์ติดโน้ตบุ๊กมักจะพิมพ์ด้วยกระดาษที่ราคาไม่แพง
วิธีทำสติกเกอร์ขาย ยังต้องให้ความสำคัญไปถึงขั้นตอนการเลือกกาว เพราะนั่นจะส่งผลต่อคุณภาพสติกเกอร์ของคุณ เพราะถ้าคุณได้รับรีวิวเชิงลบว่าสติกเกอร์ของคุณนั้นลอกออกได้ง่าย ก็อาจทำให้ธุรกิจของคุณเสียชื่อเสียงได้
คุณจะต้องหาจุดติดสติกเกอร์ที่เหมาะสมเพื่อให้สติกเกอร์ติดได้แน่นและไม่เสียหาย โดยควรใช้กาวชนิดติดแน่นเมื่อต้องติดสติกเกอร์บนพื้นผิวขรุขระ เช่น ไม้หรือพลาสติก และใช้กาวชนิดที่ติดแน่นน้อยเมื่อใช้กับสติกเกอร์แบบลอกออกได้
อ่านรีวิววัสดุในการการพิมพ์จากผู้ผลิตสติกเกอร์เพื่อให้รู้ถึงคุณภาพของกาวที่ใช้
ต่อไปนี้คือประเภทโดยทั่วไปของสติกเกอร์และกรณีการใช้งาน โดยควรทดลองใช้วัสดุที่แตกต่างกันก่อนตัดสินใจ:
ไวนิล
สติกเกอร์ไวนิลมีพื้นผิวเรียบมันเงา โดยเป็นวัสดุพิมพ์สติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากใช้ได้นานและทนต่อสภาพอากาศ
ไวนิลนั้นทนต่อความชื้นได้มากกว่าเมื่อเทียบกับสติกเกอร์กระดาษ จึงเหมาะกับสติกเกอร์ที่ใช้กับขวดน้ำ กล่องอาหาร หรือสิ่งของที่ใช้กลางแจ้ง เช่น เคสโทรศัพท์
กระดาษเคลือบด้าน
กระดาษเคลือบด้านเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยม นอกจากราคาที่ถูกกว่าแล้ว กระดาษเคลือบด้านยังขึ้นชื่อในเรื่องที่สามารถแสดงรายละเอียดเล็กๆ ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย เนื่องจากกระดาษแบบนี้ไม่มีแสงสะท้อนจึงทำให้มองเห็นได้ชัดกว่า
หากคุณพิมพ์สติกเกอร์บนกระดาษเคลือบด้านแต่ต้องการพื้นผิวมันเงา คุณสามารถติดแผ่นลามิเนตแบบมีกาวติดเองบนสติกเกอร์เคลือบด้านได้ วิธีนี้จะช่วยให้สติกเกอร์มีความเงางามและช่วยปกป้องพื้นผิวอีกชั้นหนึ่ง
โฮโลแกรมและปริซึม
สติกเกอร์โฮโลแกรมผลิตจากวัสดุที่หักเหแสงจนเกิดเอฟเฟกต์คล้ายรุ้งที่เปลี่ยนตำแหน่ง
ส่วนสติกเกอร์ปริซึมก็จะมีพื้นผิวหลายเหลี่ยมที่สะท้อนแสงในทิศทางต่างๆ เพื่อสร้างประกายแวววาวได้เหมือนกัน
สติกเกอร์สะท้อนแสง
สติกเกอร์สะท้อนแสงมีพื้นผิวที่สะท้อนแสง มักทำจากวัสดุโลหะหรือโครเมียม เห็นแล้วชวนสะดุดตาและดูไม่เหมือนใคร จนทำให้เป็นที่นิยมในแง่ของความสร้างสรรค์และการส่งเสริมการขาย
สติกเกอร์ใส
สติกเกอร์ใสทำจากวัสดุโปร่งใส เช่น ไวนิลใสหรือโพลีเอสเตอร์ เมื่อติดลงบนพื้นผิวจะทำให้ดูไร้รอยต่อ มักใช้เป็นสติกเกอร์ติดหน้าต่างและสิ่งของที่ต้องซักหรือสัมผัสกับสภาพอากาศ เช่น ขวดน้ำและอุปกรณ์กลางแจ้ง
4. พิมพ์สติกเกอร์ของคุณ

วิธีการพิมพ์สติกเกอร์นั้นมีมากมาย บางคนก็ใช้เครื่องพิมพ์ทั่วไปและเครื่องตัดทำทุกอย่างเองที่บ้าน ในขณะที่บางคนอาจส่งไฟล์ไปให้ผู้พิมพ์สติกเกอร์มืออาชีพ หรือจะใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง ซึ่งจะพิมพ์สติกเกอร์ของคุณและส่งไปให้ลูกค้าโดยตรง
วิธีพิมพ์สติกเกอร์ที่บ้าน
หากต้องการพิมพ์สติกเกอร์ที่บ้าน คุณจะต้องใช้กระดาษสติกเกอร์แบบมีกาว ลองหาซื้อกระดาษแบบนี้ได้ตามร้านงานฝีมือ ร้านขายอุปกรณ์สำนักงาน หรือร้านค้าออนไลน์ โดยต้องดูว่ากระดาษที่คุณเลือกนั้นสามารถใช้กับกับเครื่องพิมพ์ของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหรือเลเซอร์
หลังจากพิมพ์สติกเกอร์แล้ว ให้ใช้เครื่องตัดอย่างเครื่อง Cricut หรือ Silhouette เพื่อตัดรอบสติกเกอร์และทำเป็นสินค้าที่พร้อมขาย
การพิมพ์สติกเกอร์ที่บ้านช่วยให้คุณสามารถสร้างสติกเกอร์ที่เป็นของคุณเองได้ทุกเมื่อที่ต้องการโดยที่ไม่ต้องสต็อกสินค้าไว้ในคลังมากมาย ช่วยให้คุณสามารถนำเสนอดีไซน์ในร้านของคุณได้อย่างอิสระ
ข้อเสียของทำธุรกิจจากที่บ้านคือคุณอาจต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งกว่าจะได้เป็นกระบวนการพิมพ์และตัดสติกเกอร์ที่ใช้ได้จริง ซึ่งอาจทำให้เสียเวลาและวัสดุมาก
การพิมพ์สติกเกอร์โดยมืออาชีพ
การจ้างบริษัทพิมพ์สติกเกอร์ให้ก็เป็นอีกทางเลือก โดยบริการออนไลน์อย่าง StickerApp, Sticker Mule, และ Sticker Giant นั้นได้รับความนิยมและรีวิวเชิงบวกเป็นส่วนใหญ่ หรือคุณจะใช้บริการบริษัทรับพิมพ์งานใกล้บ้านซึ่งอาจให้บริการได้เร็วกว่าก็ได้
โดยหลังจากที่คุณอัปโหลดผลงานและเลือกวัสดุและพื้นผิวสติกเกอร์แล้ว บริษัทจะพิมพ์ ตัด และส่งสติกเกอร์ไปให้คุณ
นี่เป็นวิธีที่มีประโยชน์มากในกรณีที่มีคนสั่งซื้อสติกเกอร์จากคุณเป็นจำนวนมาก และคุณไม่มีเวลาหรืออุปกรณ์มากพอที่จะพิมพ์สติกเกอร์ตามคำสั่งซื้อได้จากที่บ้าน แต่ก็อย่าลืมว่าคุณจะไม่ได้เห็นผลงานพร้อมขายจนกว่าของที่สั่งไว้จะมาถึง
แถมคุณจะต้องชำระเงินค่าสติกเกอร์ล่วงหน้าสำหรับการสั่งทำครั้งละมาก ๆ โดยเมื่อคุณสั่งทำในปริมาณมากจะทำให้ต้นทุนค่าสติกเกอร์ถูกลง ซึ่งตรงนี้คุณจะต้องตัดสินใจว่าจะสั่งทำครั้งละมาก ๆ เพื่อประหยัดต้นทุนต่อชิ้น หรือจะสั่งทำในปริมาณที่น้อยลงโดยจ่ายเงินมากกว่า
หากคุณสนใจใช้บริการบริษัทพิมพ์ ลองดูว่าบริษัทที่คุณจะจ้างนั้นมีผลงานตัวอย่างให้ดูเพื่อเปรียบเทียบหรือไม่
สติกเกอร์พิมพ์ตามสั่ง
ตัวเลือกที่สามสำหรับการพิมพ์สติกเกอร์คือการใช้บริการพิมพ์สติกเกอร์ตามสั่ง โดยคุณจะต้องอัปโหลดผลงานของคุณลงในแอปของ Shopify เช่น Printful หรือ Printify แล้วก็ปล่อยให้แอปเหล่านี้จัดการสิ่งต่าง ๆ ให้คุณเลย ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์และตัดสติกเกอร์ ไปจนถึงการจัดส่งตามคำสั่งซื้อไปยังลูกค้าของคุณ
การใช้บริการพิมพ์ตามสั่งจะช่วยลดภาระของคุณได้มาก แต่ในขณะเดียวกันคุณก็จะควบคุมกระบวนการผลิตได้น้อยลงด้วย หากคุณเลือกวิธีนี้ ให้คุณลองสั่งซื้อผลงานของคุณเองเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสินค้าจริงก่อนที่จะนำไปขายให้กับลูกค้า
5. ตัดสติกเกอร์ของคุณ

สำหรับการตัดสติกเกอร์นั้นมีอยู่สองวิธีหลัก ๆ คือการตัดแบบ Die Cut และ Kiss Cut
Die Cut
เครื่องตัดแบบ Die Cut จะใช้ใบมีดในการตัดสติกเกอร์ตามเส้นทางที่ตั้งโปรแกรมไว้โดยใช้ซอฟต์แวร์ เครื่องตัดแบบนี้สามารถตัดกระดาษและวัสดุอื่น ๆ ให้เป็นรูปร่างได้อย่างแม่นยำ โดยจะตัดทั้งสติกเกอร์และกระดาษรอง
การตัดแบบ Die Cut ช่วยให้สามารถตัดสติกเกอร์ให้ตรงตามรูปร่างที่คุณออกแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมธรรมดา หรือจะเป็นรูปใบไม้ที่บอบบางสำหรับการทำภาพประกอบต้นไม้
Cricut Maker และ Silhouette Cameo คือเครื่องตัดแบบ Die Cut ที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการตัดสติกเกอร์
Kiss Cut
การตัดแบบ Kiss Cut เป็นเทคนิคการตัดที่จะตัดผ่านชั้นสติกเกอร์ด้านบนแต่จะไม่ตัดผ่านกระดาษรอง โดยเมื่อลอกสติกเกอร์ออกแล้ว กระดาษรองและขอบกระดาษจะยังอยู่ มักใช้วิธีนี้ในการสร้างแผ่นสติกเกอร์ที่มีดีไซน์หลากหลาย
วิธีขายสติกเกอร์ออนไลน์
- เลือกแพลตฟอร์มในการขายสติกเกอร์
- ตั้งราคาสติกเกอร์ของคุณ
- ทำการตลาดให้กับสติกเกอร์
- จัดส่งสติกเกอร์ของคุณ
เมื่อคุณพร้อมที่จะเปิดร้านขายแล้ว วิธีในการขายสติกเกอร์ของคุณก็มีอย่างหลากหลายเช่นกัน โดยคุณสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์เพื่อขายสติกเกอร์ให้กับลูกค้าได้โดยตรง หรือจะใช้ตลาดกลางที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสติกเกอร์อย่าง Etsy หรือ Redbubble ก็ได้
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกช่องไหน คุณก็ต้องตั้งราคาขายสติกเกอร์และทำการตลาด และนี่คือขั้นตอนที่คุณต้องทำ
1. เลือกแพลตฟอร์มในการขายสติกเกอร์
คุณสามารถขายสติกเกอร์ได้โดยใช้ร้านค้าออนไลน์หรือจะสร้างบัญชีในตลาดออนไลน์ก็ได้ และนี่คือแพลตฟอร์มการขายยอดนิยมซึ่งทำให้คุณสามารถเริ่มขายออนไลน์ได้ง่าย ๆ
Shopify
การเริ่มสร้างร้านค้าออนไลน์คือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างแบรนด์เพื่อโปรโมตสติกเกอร์และทำให้มีโอกาสที่จะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่จะขายได้อีกด้วย
Shopify ช่วยให้คุณคุณสามารถเลือกชื่อธุรกิจ สร้างหน้าร้านแบบมืออาชีพ จดทะเบียนชื่อโดเมนสำหรับเว็บไซต์ของคุณ และให้บริการลูกค้าด้วยการชำระเงินที่ปลอดภัย
และคุณยังสามารถเชื่อมโยงร้านค้าของคุณกับช่องทางการขายและการตลาดได้อีกด้วย โดยคุณสามารถเชื่อมโยงร้านค้าของคุณกับ Facebook และ Instagram ทำให้คุณสามารถแสดงโฆษณาให้กับลูกค้าเป้าหมายและช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากแอปที่ชื่นชอบได้เลย
Etsy
Etsy เป็นตลาดอนไลน์สำหรับผู้ผลิตผลงานและผู้ที่ซื้อมาขายต่อ เป็นหนึ่งในแหล่งขายสติกเกอร์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด
เมื่อคุณลงทะเบียนเข้าใช้ Etsy คุณจะได้รับหน้าร้านพื้นฐานที่คุณสามารถลงขายสติกเกอร์ของคุณในตลาดของแพลตฟอร์มได้
Etsy มีการแข่งขันและค่าธรรมเนียมที่สูงมาก โดยมีค่าธรรมเนียม 20¢ สำหรับการลงขายสินค้าใหม่แต่ละตัว และมีค่าคอมมิชชัน 6.5% จากยอดขาย โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจทำให้กำไรของคุณน้อยลงได้เมื่อคุณขายสติกเกอร์ที่อาจมีราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์
นอกจากนี้ Etsy ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งไม่มากนัก ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากต่อการทำให้หน้าร้านของคุณโดดเด่น ดังนั้นคุณจะต้องมีกลยุทธ์เพื่อให้ส่งผลต่อ Conversion Rate
ผู้ผลิตสติกเกอร์หลายรายใช้ Shopify และ Etsy เพื่อขายสติกเกอร์ในที่ต่าง ๆ และได้ประโยชน์จากทั้งสองแพลตฟอร์ม แต่ไม่ว่าคุณจะใช้ Etsy หรือ Shopify คุณก็ต้องปรับแต่งคำอธิบายสินค้าและรูปภาพสินค้า เพื่อให้ผู้คนที่ค้นหาสติกเกอร์สามารถหาคุณเจอได้
ตลาดขายสติกเกอร์
เว็บไซต์อย่าง Redbubble และ Society6 จะจัดการเรื่องการพิมพ์และจัดส่งสติกเกอร์ทุกครั้งที่ลูกค้าสั่งซื้อ เป็นวิธีขายสติกเกอร์ที่สะดวกและไม่ต้องเหนื่อยกับการดูแลระบบมากนัก
ข้อเสียคือคุณจะควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างจำกัด ซึ่งอาจไม่ได้แย่อะไรหากคุณสร้างสติกเกอร์เพื่อขายเป็นอาชีพเสริม แต่ศักยภาพในการทำกำไรก็จะลดลงด้วยเช่นกัน
เนื่องจากเว็บไซต์จะดูแลเรื่องการผลิตและการจัดส่ง คุณจึงได้เงินเพียงน้อยนิดจากราคาขายเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้กำไรต่อสติกเกอร์หนึ่งชิ้นแค่ไม่กี่เซ็นต์เท่านั้น แทนที่จะได้ถึงดอลลาร์
ตลาดขายออนไลน์แบบพิมพ์ตามสั่งเป็นวิธีที่ดีในการทดลองตลาดดูว่าสติกเกอร์ของคุณจะดึงดูดความสนใจได้หรือไม่ เมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มธุรกิจอย่างจริงจัง คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์ของตัวเองได้ ผู้ผลิตหลายรายมีวิธีทำสติกเกอร์ขายผ่านหลายช่องทาง เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง Shopify ทำให้คุณสามารถเชื่อมโยงร้านค้าออนไลน์ของคุณเข้ากับตลาด เพื่อขายผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ในที่เดียว
2. ตั้งราคาสติกเกอร์ของคุณ

การตั้งราคาให้กับงานศิลปะของคุณอาจเป็นเรื่องยาก แต่การหาราคาที่ทำกำไรได้ของสติกเกอร์ของคุณนั้นถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็น
โดยทั่วไปแล้วสติกเกอร์ที่ขายทางออนไลน์จะมีราคาตั้งแต่ 2 ถึง 7 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กับการทำสติกเกอร์ขนาดใหญ่หรือมีความซับซ้อนกว่านั้นก็อาจมีราคาสูงกว่าได้ คุณควรลองดูร้านสติกเกอร์อื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบราคากับร้านของคุณ และจะได้ทราบราคาโดยทั่วไปของคู่แข่งด้วย
อย่าลืมคิดถึงต้นทุนทางธุรกิจทั้งหมด รวมถึงต้นทุนค่าวัสดุ แรงงาน และบรรจุภัณฑ์ เพื่อที่จะได้มีอัตรากำไรที่ดี
แล้วก็อย่าลืมนึกถึงประสบการณ์และความสามารถทางศิลปะของคุณด้วย หากคุณเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิธีทำสติกเกอร์ขาย คุณอาจต้องการขายในราคาลดพิเศษไปพร้อมกับการสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ
3. ทำการตลาดให้กับสติกเกอร์
วิธีทำสติกเกอร์ขายอย่างถูกต้อง คุณจะต้องทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะให้สติกเกอร์ของคุณได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram, Facebook และ TikTok อาจเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเสนอดีไซน์สติกเกอร์ของคุณ
นี่คือกลยุทธ์การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ที่คุณควรลอง
- โพสต์คอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจซึ่งอ้างอิงถึงสินค้าของคุณ
- มีส่วนร่วมกับผู้ติดตามของคุณด้วยการกดไลค์และตอบคอมเมนท์
- ใช้โฆษณาที่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้คนมองเห็นบัญชีของคุณมากขึ้น
- ร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามตรงกับตลาดเป้าหมายของคุณ
- จัดกิจกรรมแจกของรางวัลและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมแท็กเพื่อนเพื่อลุ้นรับรางวัล
- ร่วมมือกับศิลปินและธุรกิจอื่น ๆ เพื่อสร้างผลงานสติกเกอร์ร่วมกันและช่วยโปรโมตสินค้าของกันและกัน
4. จัดส่งสติกเกอร์ของคุณ

ข้อดีอย่างหนึ่งของการขายสติกเกอร์คือการจัดส่งที่ง่ายดาย สำหรับการสั่งซื้อทั่วไป คุณอาจใช้แค่แสตมป์เท่านั้น ทำให้ต้นทุนสำหรับลูกค้าลดลงด้วย
หากต้องการให้สติกเกอร์ส่งถึงลูกค้าในสภาพดี ให้ใช้ซองไปรษณีย์แบบแข็งหรือซองที่มีกระดาษแข็งด้านใน ผู้ขายบางรายจะติดสติกเกอร์ว่า “ห้ามบิดงอ” ไว้บนซองเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหาย
ร้านสติกเกอร์นั้นเป็นที่รู้จักดีในเรื่องของการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ดูแล้วเพลิดเพลิน ซึ่งทำให้การได้รับสินค้านั้นให้ความรู้สึกเหมือนได้รับของขวัญที่ชวนให้ใจฟู โดยทั่วไปแล้วมักจะใส่การ์ดขอบคุณที่เขียนด้วยลายมือ หรือสติกเกอร์ที่มีตราสินค้าไปกับสินค้าที่จัดส่งด้วย
ผู้ขายบางรายยังสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ด้วยการใช้สื่อต่าง ๆ เช่น กระดาษทิชชู่ที่มีตราสินค้า แต่อย่าลืมว่าต้องควบคุมต้นทุนที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตสินค้าให้ดีด้วย เพราะบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามจะไร้ประโยชน์ทันทีถ้าทำให้คุณได้กำไรน้อยลง
หาแรงบันดาลใจให้กับสติกเกอร์
การตัดสินใจว่าสติกเกอร์ของคุณควรมีหน้าตาเป็นอย่างไรอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เนื่องจากความเป็นไปได้นั้นมีไม่จำกัด งานแรกของคุณคือการจำกัดขอบเขตให้กับแบรนด์และสไตล์ เพื่อให้งานออกแบบของคุณมีเอกลักษณ์และบุคลิกที่น่าจดจำ
ในการวิธีทำสติกเกอร์ขายอย่างมีสไตล์ คุณสามารถใช้เกณฑ์เหล่านี้ได้
- งานอดิเรกและความสนใจ ใช้ความรู้เกี่ยวกับกีฬา สัตว์ หรือดนตรีเพื่อสร้างงานออกแบบเพื่อตอบสนองความชอบของผู้คน
- รูปแบบงานศิลปะ ออกมองหาสติกเกอร์แบบเรียบง่าย สติกเกอร์วาดมือ หรือสติกเกอร์แบบย้อนยุค เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการออกแบบของคุณเอง
- ตลาดเฉพาะทาง ค้นหาตลาดเฉพาะทางสำหรับผู้ที่มีใจรักในจุดยืนของตนเอง เช่น เกมเมอร์ นักจัดสวน หรือกลุ่มคนรักน้องหมา
เรียนรู้วิธีทำสติกเกอร์ขายจากคนที่ประสบความสำเร็จ
เนื่องจากมีผู้ผลิตสติกเกอร์อยู่มากมาย การหาไอเดียที่ไม่ซ้ำใครจึงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือวิธีทำสติกเกอร์ขายจนประสบความสำเร็จของผู้ประกอบการ 2 ราย
Milkteanco

Ilona Lin ได้แรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์สติกเกอร์และเครื่องเขียน Milkteanco มาจากแมวของเธอที่ชื่อ Milkie โดยในช่วงแรกเธอได้สร้างตัวการ์ตูนแมวน่ารัก ๆ ขึ้นมาเพื่อติดบนสติกเกอร์และของชิ้นเล็ก ๆ ต่อมาเธอได้นำดีไซน์ของตัวเองมาผสมผสานเข้ากับสติกเกอร์และสินค้าของแบรนด์ต่างๆ
Created by Christine

Christine Lee เป็นเจ้าของ Created by Christine เธอเลือกที่จะสร้างสติกเกอร์ด้วยวิธีที่เต็มไปด้วยพลังบวกและคำพูดสร้างแรงบันดาลใจ โดย Christine ได้แรงบันดาลใจมาจากงานประจำที่เธอเป็นครูชั้นประถมศึกษา และมีคุณครูหลายคนที่เป็นลูกค้าของเธอ
โดยเธอบอกว่า “ความคิดบวกเป็นสิ่งสำคัญมากต่อตัวฉัน และเป็นเหมือนจุดสนใจของฉันในห้องเรียน ทำให้ฉันมักจะหยิบยกคำพูดเชิงบวกมานำเสนออยู่เสมอ”
ผู้ประกอบการทั้งสองรายนี้มีวิธีทำสติกเกอร์ขายยังไง?
ทั้ง Christine และ Ilona เริ่มต้นด้วย Etsy ก่อนที่จะเพิ่มยอดขายด้วยการเปิดร้านบน Shopify เพิ่ม
Christine บอกว่า “Etsy จะเป็นตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นที่อาจมีรายการสินค้าไม่กี่ตัว หรืออยู่ในช่วงที่ทดลองทำ”
ผู้ผลิตทั้งสองรายใช้แนวทางที่แตกต่างกันในการผลิตสติกเกอร์ไวนิลในแบบของตัวเอง
โดยวิธีทำสติกเกอร์ขายของ Ilona เริ่มจากการพยายามจ้างโรงพิมพ์และซัพพลายเออร์เพื่อผลิตชิ้นงาน แต่เธอไม่ชอบตรงที่ควบคุมคุณภาพไม่ได้มากนัก
ในขณะที่ Christine เริ่มธุรกิจของเธอด้วยการพิมพ์ที่บ้าน แต่ตอนนี้เธอใช้บริการผู้รับพิมพ์จากบริษัทอื่นหลายรายเพื่อที่จะพิมพ์สติกเกอร์เป็นจำนวนมาก
เธอกล่าวว่า “ในช่วงแรก เมื่อฉันได้รับคำสั่งซื้อ ฉันก็สามารถทำได้เลย โดยที่ธุรกิจนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และการบริหารจัดการทั้งหมดนั้นก็ค่อย ๆ ยากขึ้นเล็กน้อย ฉันจึงค่อย ๆ ปรับตัว”
ส่วนวิธีทำสติกเกอร์ขายของแบรนด์ Ilona คือการบรรจุสินค้าทั้งหมดด้วยการห่อแบบพิเศษและสติกเกอร์เพิ่มเติม ตรงนี้ทำให้การจัดส่งของเธอเป็นที่จดจำและกลายเป็นสิ่งพิเศษ แต่เธอก็ยังสั่งซื้อของครั้งละมาก ๆ เพื่อลดต้นทุน รวมถึงทำงบประมาณเพื่อเป็นการตรวจสอบว่าไม่ได้ใช้จ่ายเงินมากเกินไป
คุณควรดูเว็บไซต์ของคู่แข่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นการหาแรงบันดาลใจและทำความเข้าใจคู่แข่ง แต่อย่าเลียนแบบงานของคนอื่นล่ะ ระวังตรงนี้ด้วย
เทรนด์ของธุรกิจสติกเกอร์
ธุรกิจสติกเกอร์ก็ได้รับผลกระทบจากกระแสสังคมไม่ต่างจากธุรกิจการขายออนไลน์อื่น ๆ เลย นี่คือวิธีทำสติกเกอร์ขายที่กำลังเป็นกระแสและจะช่วยให้คุณล้ำเกินคู่แข่ง
- สติกเกอร์ติดข้างรถ เพื่อโฆษณาแบรนด์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
- ผู้บริโภคบอกว่ามีแนวโน้มที่จะจดจำแบรนด์ได้มากขึ้นหากได้สติกเกอร์
- คนรุ่นมิลเลนเนียลมักมองว่าสติกเกอร์เป็นการรับรองคุณภาพจากแบรนด์ และเป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดแบบปากต่อปาก
- มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเครื่องพิมพ์สติกเกอร์จะเติบโตในอัตรา 7.5% ต่อปีจนถึงปี 2032
- สติกเกอร์ที่มีองค์ประกอบฟอยล์ถูกมองว่ามีมูลค่ามากขึ้นในสายตาของผู้บริโภค
ทำให้แบรนด์ของคุณติดอยู่ในใจคน
สติกเกอร์ช่วยให้คุณแสดงถึงความหลงใหล บอกเล่าเรื่องราว หรือโปรโมตธุรกิจของคุณณ ไม่ว่าสติกเกอร์ของคุณจะเป็นแบบไหน ให้พยายามพัฒนาสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร สร้างสินค้าที่มีภาพจำที่ชัดเจน ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก จากนั้นเปิดร้านค้าออนไลน์ที่จะติดอยู่ในใจผู้คน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีทำสติกเกอร์ขาย
โดยทั่วไปแล้ว อะไรคือความยากในการออกแบบสติกเกอร์?
ความยากในการออกแบบสติกเกอร์โดยทั่วไปจะเป็นเรื่องของการสร้างภาพประกอบที่ไม่ซ้ำใครและน่าดึงดูด การสร้างสติกเกอร์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และรับรองว่าใช้วัสดุในการผลิตที่มีคุณภาพสูง
วิธีทำสติกเกอร์ขายด้วย Cricut มีอะไรบ้าง?- พิมพ์ผลงานสติกเกอร์ของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์ทั่วไป
- ใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบ Cricut เพื่อนำผลงานเข้าระบบและกำหนดเส้นการตัดสำหรับสติกเกอร์
- ใส่กระดาษสติกเกอร์ลงบนแผ่นรองตัด Cricut และใส่เข้าไปในเครื่อง
- ทำตามคำแนะนำในซอฟต์แวร์ Cricut เพื่อตัดสติกเกอร์แต่ละชิ้น
- เมื่อการตัดสติกเกอร์เสร็จแล้ว ให้ค่อย ๆ ลอกสติ๊กเกอร์ออกจากแผ่นรองตัดอย่างระมัดระวัง
สำหรับการทำสติกเกอร์ไวนิล คุณจะต้องมีแผ่นไวนิลแบบมีกาว เครื่องตัด เช่น Cricut หรือ Silhouette และเทปทรานส์เฟอร์
วิธีทำสติกเกอร์ขายที่บ้าน ทำได้ยังไงบ้าง?นี่คือขั้นตอนการทำสติกเกอร์ขายจากที่บ้าน
- ออกแบบสติกเกอร์ของคุณโดยใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก หรือค้นหาโปรแกรมออกแบบสติกเกอร์ที่สามารถพิมพ์ได้ทางออนไลน์
- พิมพ์ผลงานของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์สี โดยจะต้องใช้กระดาษสติกเกอร์ที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ของคุณ
- ตัดสติกเกอร์ด้วยกรรไกร มีดสำหรับแกะสลักงานฝีมือ หรือเครื่องตัดอย่าง Cricut หรือ Silhouette
วิธีทำสติกเกอร์ขายด้วย Cricut มีอะไรบ้าง?
- พิมพ์ผลงานสติกเกอร์ของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์ทั่วไป
- ใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบ Cricut เพื่อนำผลงานเข้าระบบและกำหนดเส้นการตัดสำหรับสติกเกอร์
- ใส่กระดาษสติกเกอร์ลงบนแผ่นรองตัด Cricut และใส่เข้าไปในเครื่อง
- ทำตามคำแนะนำในซอฟต์แวร์ Cricut เพื่อตัดสติกเกอร์แต่ละชิ้น
- เมื่อการตัดสติกเกอร์เสร็จแล้ว ให้ค่อย ๆ ลอกสติ๊กเกอร์ออกจากแผ่นรองตัดอย่างระมัดระวัง
สำหรับการทำสติกเกอร์ไวนิล คุณจะต้องมีแผ่นไวนิลแบบมีกาว เครื่องตัด เช่น Cricut หรือ Silhouette และเทปทรานส์เฟอร์
วิธีทำสติกเกอร์ขายที่บ้าน ทำได้ยังไงบ้าง?นี่คือขั้นตอนการทำสติกเกอร์ขายจากที่บ้าน
- ออกแบบสติกเกอร์ของคุณโดยใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก หรือค้นหาโปรแกรมออกแบบสติกเกอร์ที่สามารถพิมพ์ได้ทางออนไลน์
- พิมพ์ผลงานของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์สี โดยจะต้องใช้กระดาษสติกเกอร์ที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ของคุณ
- ตัดสติกเกอร์ด้วยกรรไกร มีดสำหรับแกะสลักงานฝีมือ หรือเครื่องตัดอย่าง Cricut หรือ Silhouette
สติกเกอร์ไวนิล มีวิธีทำอย่างไร?
สำหรับการทำสติกเกอร์ไวนิล คุณจะต้องมีแผ่นไวนิลแบบมีกาว เครื่องตัด เช่น Cricut หรือ Silhouette และเทปทรานส์เฟอร์
วิธีทำสติกเกอร์ขายที่บ้าน ทำได้ยังไงบ้าง?นี่คือขั้นตอนการทำสติกเกอร์ขายจากที่บ้าน
- ออกแบบสติกเกอร์ของคุณโดยใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก หรือค้นหาโปรแกรมออกแบบสติกเกอร์ที่สามารถพิมพ์ได้ทางออนไลน์
- พิมพ์ผลงานของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์สี โดยจะต้องใช้กระดาษสติกเกอร์ที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ของคุณ
- ตัดสติกเกอร์ด้วยกรรไกร มีดสำหรับแกะสลักงานฝีมือ หรือเครื่องตัดอย่าง Cricut หรือ Silhouette
วิธีทำสติกเกอร์ขายที่บ้าน ทำได้ยังไงบ้าง?
นี่คือขั้นตอนการทำสติกเกอร์ขายจากที่บ้าน
- ออกแบบสติกเกอร์ของคุณโดยใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก หรือค้นหาโปรแกรมออกแบบสติกเกอร์ที่สามารถพิมพ์ได้ทางออนไลน์
- พิมพ์ผลงานของคุณลงบนกระดาษสติกเกอร์ด้วยเครื่องพิมพ์สี โดยจะต้องใช้กระดาษสติกเกอร์ที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ของคุณ
- ตัดสติกเกอร์ด้วยกรรไกร มีดสำหรับแกะสลักงานฝีมือ หรือเครื่องตัดอย่าง Cricut หรือ Silhouette