เปิดพิกัดเว็บหาเงินสุดแรร์ที่หลายคนยังไม่รู้จัก!

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่ยุ่งสุดๆ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือใครก็ตามที่กำลังมองหารายได้เสริมหลังเลิกงาน ทุกวันนี้มีเว็บหาเงินมากมายที่ช่วยให้คุณสร้างรายได้เสริมในเวลาว่าง แต่ปัญหาคือ จะเริ่มหางานออนไลน์จากที่ไหนให้ตรงกับความถนัดและความสนใจของเรานี่สิ

โชคดีที่ยังมีเว็บไซต์และแอปอีกมากมายที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก ซึ่งสามารถช่วยคุณสร้างรายได้ได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่ขายคอร์สออนไลน์ ตอบแบบสอบถาม ไปจนถึงรับจ๊อบเป็นนักช้อปปิ้งลับเลยทีเดียว

12 เว็บหาเงิน ช่วยคุณทำรายได้เสริม

1. Swagbucks
2. Shutterstock
3. TaskRabbit
4. Google Opinion Rewards
5. Second to None
6. Upwork
7. Spring
8. Rover
9. UserTesting
10. Teachable
11. Wrapify
12. InboxDollars

นี่คือเว็บไซต์ที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วสามารถช่วยให้คุณหารายได้ในเวลาว่างได้แบบง่ายๆ

1. Swagbucks

Swagbucks เป็นเว็บหาเงินที่ให้คุณสะสมแต้มแลกของรางวัลได้ง่ายๆ แค่ทำกิจกรรมออนไลน์ เช่น ดูวิดีโอ ตอบแบบสอบถาม หรือเล่นเกม ซึ่งเป็นวิธีที่แบรนด์ใช้โปรโมตสินค้าและเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ (เช่น รับฟังความคิดเห็นผ่านแบบสอบถามแบบมีค่าตอบแทน)

รายได้ที่คุณจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของงานและเวลาที่ใช้ บางงานอาจให้เพียงไม่กี่สิบบาท ส่วนบางงานก็ให้หลายร้อย ถ้าคุณใช้งานประมาณวันละ 10 - 25 นาที Swagbucks ระบุว่า คุณอาจทำรายได้ราว 3,500 - 7,000 บาทต่อเดือน เมื่อสะสมแต้มได้เพียงพอ คุณสามารถแลกเป็นบัตรของขวัญจากร้านดังอย่าง Walmart, Target หรือ Starbucks หรือเลือกโอนเป็นเงินสดเข้าบัญชี PayPal ที่ยืนยันตัวตนแล้วก็ได้

2. Shutterstock

เว็บหาเงิน Shutterstock คือแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับขายภาพถ่ายแบบลิขสิทธิ์ ถ้าคุณถ่ายรูปเก่งและมีคลังภาพอยู่แล้ว การอัปโหลดภาพลงบน Shutterstock อาจกลายเป็นแหล่งรายได้แบบพาสซีฟที่ดีเลยทีเดียว

เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และครีเอเตอร์ มักค้นหาภาพจาก Shutterstock เพื่อใช้ในงานโฆษณา พรีเซนเทชัน คู่มืออบรม หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ทุกครั้งที่มีคนดาวน์โหลดภาพของคุณ คุณจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่าง 15% ถึง 40% ขึ้นอยู่กับจำนวนการดาวน์โหลดภาพของคุณ นั่นหมายความว่า คุณสามารถทำเงินได้ตั้งแต่ไม่กี่สิบบ้าน ไปจนถึงเป็นร้อยๆ บาทต่อภาพเลยทีเดียว

3. TaskRabbit

TaskRabbit คือเว็บหาเงินและแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อระหว่างลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือ กับฟรีแลนซ์ที่มีทักษะในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกอบเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมแซมบ้าน ทำความสะอาด หรือแม้แต่บริการผู้ช่วยส่วนตัว ฟรีแลนซ์บนแพลตฟอร์มนี้เรียกว่า “Tasker” ซึ่งสามารถตั้งราคาค่าบริการ และเลือกเฉพาะงานที่อยากรับตามเวลาว่างของตัวเองได้ งานแต่ละชิ้นมีระยะเวลาขั้นต่ำ 1 ชั่วโมง โดยราคางานจะเริ่มต้นที่ประมาณ 525 บาทต่อชั่วโมง และอาจสูงถึงประมาณ 3,500 บาทต่อชั่วโมง สำหรับงานที่ซับซ้อนหรือต้องใช้ทักษะเฉพาะทางมากขึ้น

4. Google Opinion Rewards

Google Opinion Rewards เป็นแอปที่ให้ผู้ใช้ทำแบบสำรวจเพื่อแลกรับเงิน โดยแบบสำรวจจะเกี่ยวกับประวัติการซื้อ รีวิวสินค้าหรือบริการจากร้านค้าออนไลน์หรือร้านค้าใกล้บ้าน รวมถึงโพลความคิดเห็นต่างๆ แบบสำรวจส่วนใหญ่มักใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที และให้ค่าตอบแทนตั้งแต่ประมาณ 3.5 บาท ไปจนถึงประมาณ 35 บาท คุณสามารถเลือกรับเงินผ่านเครดิต Google Play หรือ PayPal โดยสามารถถอนเงินได้เมื่อมียอดสะสมเกิน 70 บาทโดยประมาณ

แบบสำรวจในแอปนี้จะมีจำนวนจำกัด และคุณจะสามารถเข้าทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากระบบว่า แบบสำรวจนั้นพร้อมให้คุณในพื้นที่ที่คุณอยู่ ดังนั้น รายได้จากแอปนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนแบบสำรวจที่คุณได้รับในแต่ละวัน

5. Second to None

เว็บหาเงิน Second to None ให้บริการที่ปรึกษาด้านประสบการณ์ลูกค้าและพนักงาน หนึ่งในบริการหลักคือการจ้างนักช้อปปิ้งลับ หรือผู้ทดลองใช้บริการในบทบาทลูกค้า โดยคุณจะได้รับเงินเมื่อลองซื้อของออนไลน์หรือเข้าร้านค้า และให้ฟีดแบ็กเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับ รายงานเหล่านี้ช่วยให้ร้านค้าเข้าใจความรู้สึกลูกค้ามากขึ้น

คุณสามารถสมัครเป็นนักช้อปปิ้งลับได้ฟรี และจะได้รับงานแบบรายกรณีโดยไม่ต้องผูกพันใดๆ โดยค่าตอบแทนจะอยู่ระหว่างประมาณ 215 บาท ถึง 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน เช่น ลองชิมเมนูใหม่ของร้านอาหาร หรือทดสอบการใช้งานของคูปองจากแบรนด์หนึ่ง

6. Upwork

Upwork เป็นแพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ที่เปิดโอกาสให้คุณเสนอตัวเข้าไปรับงานหรือโปรเจกต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยเสมือน นักออกแบบกราฟิก นักพัฒนาเว็บไซต์ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หลังสมัครใช้งานฟรีแล้ว คุณสามารถเริ่มเสนองานได้ทันที

ค่าตอบแทนของงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 525 ถึง 1,400 บาทต่อชั่วโมง และถ้าคุณมีทักษะเฉพาะด้าน เช่น การบริหารประชาสัมพันธ์หรือให้คำปรึกษาธุรกิจ ก็อาจได้ค่าจ้างสูงถึง 3,500 บาทโดยประมาณต่อชั่วโมง แพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์และทักษะที่ชัดเจน พร้อมลุยงานออนไลน์เพื่อสร้างรายได้จริงจัง

7. Spring

ถ้าคุณมีทักษะด้านการออกแบบกราฟิกและมีแฟนคลับที่ติดตามผลงานของคุณเองหรือแบรนด์ของธุรกิจคุณ ลองสร้างรายได้จากการออกแบบเสื้อยืดหรือสินค้าแบบคัสตอมอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซอย่าง Spring (ชื่อเดิมคือ Teespring) ได้เลย เว็บหาเงิน Spring มีเครื่องมือที่ใช้งานง่ายสำหรับให้คุณออกแบบและขายสินค้าอย่างเสื้อฮู้ด เคสโทรศัพท์ หรือกระเป๋าผ้า โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนล่วงหน้าเลย เพราะ Spring ผลิตสินค้าให้ตามคำสั่งซื้อ และดูแลเรื่องการผลิตและจัดส่งทั้งหมด โดยคุณจะได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายหลังหักค่าบริการของแพลตฟอร์ม

8. Rover

เว็บหาเงิน Rover เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงกับฟรีแลนซ์ที่ให้บริการดูแลสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นรับเลี้ยงที่บ้านลูกค้า พาเดินเล่น หรือรับฝากไว้ที่บ้านตัวเอง ถ้าคุณชอบอยู่กับแมวหรือสุนัข ลองสมัครเป็นผู้ให้บริการดูแลสัตว์เลี้ยงบน Rover ดูสิ คุณสามารถสร้างโปรไฟล์ระบุได้ว่าคุณสะดวกให้บริการแบบไหน วันเวลาใด แล้วเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็จะเลือกจ้างคุณจากข้อมูลในโปรไฟล์ ค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณประมาณ 525 ถึง 1,400 บาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทของบริการ

9. UserTesting

UserTesting เปิดโอกาสให้คุณหาเงินจากการรีวิวสินค้าและบริการให้กับแบรนด์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ โดยคุณจะให้ฟีดแบ็กผ่านวิดีโอหรือเสียง ขณะใช้งานเว็บไซต์ แอป หรือโปรโตไทป์ต่างๆ โดยแต่ละแบบทดสอบใช้เวลาประมาณ 10 - 20 นาที วิธีเริ่มต้นคือสมัครใช้งานบนเว็บหาเงิน UserTesting และเตรียมบัญชี PayPal ให้พร้อม รวมถึงหาชุดไมโครโฟนที่สามารถอัดเสียงคุณภาพดีได้ เพื่อให้ฟีดแบ็กได้อย่างมืออาชีพ

10. Teachable

ถ้าคุณมีความรู้เฉพาะทางในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ลองเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรายได้ด้วยการสร้างคอร์สออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Teachable ที่ช่วยให้คุณออกแบบคอร์สและขายคอร์สในหลากหลายหัวข้อ ตั้งแต่ภาษา การตลาด การแต่งเพลง ไปจนถึงการวาดภาพสีน้ำ คุณสามารถจัดคอร์สไว้บนแพลตฟอร์ม Teachable โดยตรง เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของคุณ หรือแชร์ผ่านมาร์เก็ตเพลสอย่าง Skillshare หรือ Udemy ก็ได้เช่นกัน

11. Wrapify

เว็บหาเงิน Wrapify เป็นแพลตฟอร์มที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่น่าสนใจทีเดียว Wrapify จะช่วยจับคู่ระหว่างบริษัทที่ต้องการโฆษณา กับคนที่ยินดีให้ใช้รถของตัวเองเป็นพื้นที่โฆษณา วิธีสมัครก็แค่ดาวน์โหลดแอปและกรอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณ รถของคุณ พื้นที่ที่คุณขับ และเส้นทางที่คุณใช้เป็นประจำ คุณจะต้องมีประวัติการขับขี่ที่สะอาดและผ่านการตรวจสอบพื้นฐานก่อนถึงจะได้รับการอนุมัติ

ถ้ามีแคมเปญโฆษณาในพื้นที่ของคุณ Wrapify จะส่งสติ๊กเกอร์โฆษณามาให้คุณติดรถ รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7,000 ถึง 15,750 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะทางและเส้นทางที่คุณขับ เหมาะมากสำหรับคนที่ขับรถเป็นประจำ เช่น ผู้ที่ขับรถรับส่งหรือส่งของ

12. InboxDollars

เว็บไซต์หาเงิน InboxDollars ให้คุณหารายได้จากการทำกิจกรรมออนไลน์ง่ายๆ อย่างตอบแบบสอบถาม เล่นเกม ดูวิดีโอ ใช้งานแอป หรือช้อปปิ้งออนไลน์ คล้ายกับ Swagbucks รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 7 บาท ไปจนถึงประมาณร้อยกว่าบาทต่อหนึ่งกิจกรรม ขึ้นอยู่กับระดับความยาก เมื่อสะสมยอดครบ 525 บาทโดยประมาณ คุณสามารถถอนเงินได้ผ่านเช็คของทางเว็บ บัตรของขวัญ หรือ PayPal