คนรักการอ่านจะรู้ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม เสน่ห์อย่างน้ำหนักของหน้าหนังสือ สันปกหนังสือที่หักเมื่อเปิดอ่านครั้งแรก และความตื่นเต้นที่จะได้เดินทางเข้าสู่โลกอีกใบ คุณเคยจินตนาการถึงชีวิตที่มีหนังสืออยู่รอบตัวในทุกวัน และได้ส่งต่อความรักในการอ่านให้กับคนอื่นบ้างไหม
ผู้ก่อตั้งที่ฉลาดที่ค้นพบช่องว่างในตลาดและคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้าที่ไม่เหมือนใคร ได้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมหนังสือที่ถึงแม้จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เหตุผลก็คือ ร้านหนังสือออนไลน์เฉพาะกลุ่มนั้นมีสิ่งที่คู่แข่งรายใหญ่ไม่สามารถมอบให้ลูกค้าได้อย่างประสบการณ์ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย
พร้อมที่จะเปลี่ยนงานอดิเรกอย่างการอ่านหนังสือให้เป็นกลายธุรกิจด้วยการขายหนังสือแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเริ่มเปิดร้านหนังสือออนไลน์ของคุณเองหรือขายเรื่องราวของคุณเองให้กับเหล่าแฟนคลับได้เลยโดยที่ไม่ต้องอาศัยสำนักพิมพ์ คู่มือนี้จะพาคุณเรียนรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่วิธีหาแหล่งหนังสือ ไปจนถึงสถานที่ขายหนังสือออนไลน์
เริ่มต้นก้าวแรกสำหรับนักขายหนังสือมือใหม่
คู่มือนี้จะเน้นไปที่ขั้นตอนการเปิดร้านหนังสือออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้กระบวนการขายหนังสือออนไลน์ผ่านรูปแบบธุรกิจออนไลน์ต่างๆ ตั้งแต่การขายหนังสือวินเทจ ไปจนถึงการสมัครสมาชิกรายเดือน หรือจะเป็นรูปแบบเฉพาะทางที่ทุกคนทำได้ รวมถึงนักเขียนที่ต้องการจัดพิมพ์หนังสือเองและผู้ที่คิดจะทำธุรกิจหนังสือแบบมีหน้าร้าน
และคุณจะได้รับคำแนะนำจากผู้ขายหนังสือที่ประสบความสำเร็จและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดพิมพ์ด้วยตนเอง รวมถึงเคล็ดลับการร่วมมือกับผู้จัดพิมพ์ และการให้บริการที่สามารถชนะใจลูกค้าได้
Dominique Lenaye เจ้าของร้านหนังสือ Itty Bitty Bookstore ในวิสคอนซิน กล่าวว่า “เส้นทางแห่งการเรียนรู้คือทุกอย่างของฉัน” โดยเธอเริ่มธุรกิจด้วยความฝันและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นเลย ถึงแม้เธอจะบอกว่าการสร้างเครือข่ายและการสร้างชุมชนนั้นเป็นทักษะอย่างหนึ่งของเธอ แต่ทักษะอื่นๆ นั้นก็ยังเป็นความลับอยู่ดี โดยยอมรับว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเปิดร้านหนังสือได้”
ในขณะที่ Dominique สร้างธุรกิจ Google ก็กลายเป็นเพื่อนซี้ของเธอ แต่คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือค้นหาและเริ่มต้นตรงนี้ได้เลย โดยก้าวแรกคือการตัดสินใจว่าคุณต้องการเจาะตลาดหนังสือในด้านใดและกำหนดวิธีที่จะทำให้ตัวเองแตกต่างจากคนอื่น
ไอเดียธุรกิจสำหรับผู้ขายหนังสือ
นอกจากรูปแบบร้านหนังสือดั้งเดิมซึ่งมีหนังสือหลายแนวให้ทุกคนเลือกแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายในการเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือดังต่อไปนี้
- เขียนและตีพิมพ์หนังสือของคุณเองโดยขายให้กับแฟนคลับของคุณโดยตรง
- ขายหนังสือมือสอง หนังสือเก่า หนังสือหายาก หรือหนังสือที่เลิกพิมพ์แล้ว
- นำเสนอหนังสือเฉพาะทาง (เช่น หนังสือเรียน หนังสือการ์ตูน สมุดระบายสี)
- สร้างธุรกิจตามรูปแบบที่เฉพาะด้าน (เช่น อาหาร ชีวิตใต้ท้องทะเล ชีวิตกลางแจ้ง)
- ขาย eBook หรือ Audiobook แบบออนไลน์เป็นสินค้าดิจิทัล
- ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (เช่น เด็ก, LGBTQ+, ผู้หญิงผิวดำ)
- เน้นไปที่แนวหนังสือเฉพาะทาง (เช่น นวนิยายโรแมนติก, Afrofuturism, หนังสือสารคดี, หนังสือเด็ก)
- เริ่มใช้รูปแบบการสมัครสมาชิกหนังสือตามประเภทหรือเป็นชุด
- พิจารณาการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ (เช่น กระเป๋าหนังสือ น้ำหอมกลิ่นห้องสมุด)
พร้อมที่จะเริ่มแล้วหรือยัง? มาสร้าง บริหาร และทำให้ธุรกิจ eBook ของคุณเติบโตด้วยการฝึกอบรมฟรี เครื่องมือที่ใช้งานง่าย และการช่วยเหลือที่คุณต้องการ
Kerrie Hansler ผู้ก่อตั้งแบรนด์หนังสือแบบสมัครสมาชิกที่ชื่อว่า Sweet Reads Box ได้สร้างช่องทางใหม่โดยเน้นที่สินค้าที่ผลิตในแคนาดาและคัดเลือกเนื้อหาในกล่องให้ตรงกับธีมของหนังสือด้วยตัวเธอเอง ซึ่งเธอให้ความเห็นว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่การสมัครสมาชิกรายอื่นๆ จะทำอย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่ Dominique เลือกเน้นไปที่หนังสือที่เขียนโดยผู้ด้อยโอกาสและเกี่ยวของกับผู้คนที่ด้อยโอกาส โดยเธอกล่าวว่า “ฉันคอยตามหาหนังสือใหม่ๆ รวมถึงนักเขียน ซีรีส์ และตัวละครใหม่ ๆ ที่จะนำความสุขมาสู่ชุมชนคนผิวสี” และด้วยการยึดมั่นในกลุ่มเป้าหมายนี้ เธอจึงสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีซึ่งกำลังมองหาประสบการณ์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ
ในทำนองเดียวกัน คุณแม่อย่าง Sadaf Siddique และ Gauri Manglik ก็เปิดตัวร้านหนังสือออนไลน์ของตนเองที่ชื่อว่า KitaabWorld เมื่อพวกเธอมองเห็นว่าไม่มีการนำเสนอตัวละครและผู้เขียนจากเอเชียใต้ในตลาดสหรัฐอเมริกามากนัก
Gauri กล่าว่า “Amazon นั้นเป็นเหมือนป่า เพราะการค้นหาอะไรซักอย่างนั้นไม่ง่ายเลย จนกว่าคุณจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่” ต่อมาผู้หญิงเหล่านี้ได้กลายเป็นตัวแทนความหลากหลายของหนังสือ โดยพยายามนำเรื่องราวเกี่ยวกับเอเชียใต้ไปนำเสนอสู่ห้องสมุดและห้องเรียน และได้ตีพิมพ์หนังสือของตนเองในที่สุด
การแข่งขันกับผู้ขายหนังสือรายใหญ่
Kerrie กล่าวว่า “ฉันไม่อยากให้หนังสือของฉันแถมมากับยาสีฟัน” โดย Amazon เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับผู้บริโภคที่อยากได้ร้านค้าครบวงจรสำหรับหนังสือและสินค้าอื่นๆ แทบทุกอย่าง
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว การแข่งขันด้านราคาและความเร็วในการจัดส่งนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดต้องเลิกมองว่าผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่เป็นคู่แข่งทางตรง โดย Dominique พูดถึงธุรกิจอย่าง Amazon ว่า “บอกตรงๆ นะ ฉันไม่สนพวกเขาเลย”
โดย Dominique เน้นไปที่สิ่งที่ทำให้โดดเด่นแทน โดยเฉพาะกับสิ่งต่อไปนี้ที่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ไม่สามารถทำได้
- สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ พยายามทำให้แบรนด์มีเรื่องราวที่โดดเด่น รวมถึงพันธกิจ และชุดความคิดที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจในสิ่งเดียวกัน โดยเทรนด์ผู้บริโภคในช่วงของการระบาดครั้งใหญ่นั้นทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความชื่นชอบของแบรนด์ที่มีพันธกิจทางสังคม
- มุ่งเน้นเป็นพิเศษ ร้านหนังสือที่ขายหนังสือทุกแนวสำหรับทุกคนมักขาดความเข้าใจลึกซึ้งในประเภท หรือสไตล์เฉพาะตัว ตรงนี้คุณสามารถสร้างความภักดีของลูกค้าได้ ด้วยการคัดสรรหนังสือหายากและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
- มอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี สำหรับธุรกิจออนไลน์แล้ว ตรงนี้อาจหมายรวมถึงคอลเลกชันหนังสือเฉพาะกลุ่มที่ไม่จำกัดประเภท คำถาม หรือเครื่องมือที่ช่วยแนะนำหนังสือตามความสนใจ หรือการให้คำปรึกษาในการซื้อเสมือนจริงแบบตัวต่อตัว โดยร้านหนังสือจริงสามารถมอบประสบการณ์ที่อบอุ่นได้ด้วยพื้นที่และกิจกรรมที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้อ่านได้
- ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าและความสัมพันธ์ ธุรกิจขนาดเล็กมีข้อได้เปรียบเรื่องการมีลูกค้าประจำเพียงไม่กี่รายที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ โดยเสนอสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าประจำ เช่น กิจกรรมพิเศษ และใส่ใจในกลยุทธ์การบริการลูกค้า
- สร้างคอมมูนิตี้ สานสัมพันธ์กับแฟนพันธุ์แท้ของคุณด้วยการสร้างชุมชนออนไลน์ จัดกิจกรรมในร้าน และจัดชมรมหนังสือเสมือนจริง
Dominique กล่าวว่า “ฉันเลือกที่จะให้ความสำคัญกับร้านค้า ชุมชน พนักงานของฉัน และประสบการณ์ของผู้อ่านของฉันในทุกๆ วันโดยไม่มีการเปรียบเทียบ และฉันมุ่งมั่นที่จะคัดสรรคอลเลกชันที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงซื่อตรงต่อจุดยืนที่ร้านของเรานำเสนอด้วย”
ISBN คืออะไร (พร้อมคำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์อื่นๆ ที่คุณควรรู้)
นี่คือคำศัพท์เกี่ยวกับการค้าขายที่คุณควรทำความคุ้นเคยเมื่อเริ่มต้นขายหนังสือ
สำเนาสำหรับอ่านล่วงหน้า (ARC): เป็นสำเนาของหนังสือที่พิมพ์ก่อนการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยอาจยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ อาจไม่มีภาพปกฉบับสมบูรณ์ หรือต้องยังรอการตรวจทานขั้นสุดท้าย โดยจะแจกจ่าย ARC ให้กับผู้ซื้อหนังสือ นักวิจารณ์ และสื่อต่างๆ ก่อนที่หนังสือจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
หนังสือโบราณ: คำที่ใช้แยกความแตกต่างระหว่างหนังสือสะสมกับหนังสือมือสอง หนังสือวินเทจ หนังสือโบราณ หนังสือหายาก และหนังสือที่เลิกพิมพ์แล้วก็อาจจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ด้วย
แบ็คลิสต์: รายชื่อหนังสือของสำนักพิมพ์ที่ออกวางจำหน่ายก่อนปีหรือฤดูกาลปัจจุบัน และยังคงมีการพิมพ์จำหน่ายอยู่
ผู้จัดจำหน่ายหนังสือ: ธุรกิจที่จัดเก็บและจำหน่ายหนังสือโดยตรงให้กับร้านค้าปลีก ห้องสมุด และบางครั้งก็จำหน่ายให้กับผู้ค้าส่งในนามของผู้จัดพิมพ์อีกด้วย
ผู้ค้าส่งหนังสือ: บริษัทที่ซื้อหนังสือเป็นจำนวนมากจากสำนักพิมพ์และขายให้กับร้านหนังสือ สถาบันการศึกษา และห้องสมุด โดยผู้ค้าส่งมักจะได้ส่วนลดจากสำนักพิมพ์และสามารถขายแบบลดราคาให้กับลูกค้าได้
พิมพ์ครั้งแรก: หนังสือที่ถูกพิมพ์ในการพิมพ์รอบแรกของชื่อหนังสือนั้นๆ โดยเฉพาะ
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (ISBN): รหัสตัวเลขที่ใช้ในการระบุหนังสือ ผู้จัดพิมพ์ ผู้จัดจำหน่าย ห้องสมุด และธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของหนังสือล้วนใช้หมายเลขเฉพาะนี้ในการจัดการคลังสินค้าและสั่งซื้อ โดยหนังสือที่พิมพ์จนถึงสิ้นปี 2006 จะมี ISBN 10 หลัก ส่วนหนังสือที่พิมพ์หลังจากช่วงเวลาดังกล่าวจะมี ISBN 13 หลัก
ราคาปก: ราคาปกหรือราคาขายปลีกของหนังสือ โดยทั่วไปจะพิมพ์อยู่ที่ปกหลังหรือซองปก
หนังสือที่เลิกพิมพ์แล้ว (OP): หนังสือที่ไม่มีการพิมพ์หรือจัดจำหน่ายจากสำนักพิมพ์อีกต่อไป
พิมพ์ตามสั่ง (POD): คำที่ใช้เรียกหนังสือที่พิมพ์ตามคำสั่งซื้อ ซึ่งเป็นหนังสือที่ไม่มีการเก็บไว้ในคลังสินค้า แต่จะพิมพ์และจัดส่งให้กับลูกค้าแต่ละรายหลังจากสั่งซื้อแล้ว โดยหนังสือที่จัดพิมพ์เองหรือหนังสือที่ขายโดยผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่จำนวนมากจะมีการจัดจำหน่ายในลักษณะนี้
ผู้ขายหนังสือทั่วไป: เป็นอีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกร้านหนังสือหรือผู้ขายหนังสือแบบขายปลีก ผู้ขายหนังสือประเภทนี้จะขายหนังสือให้กับบุคคลทั่วไป รวมถึงร้านหนังสืออิสระ ห้างร้านค้าปลีกรายใหญ่ และร้านค้าออนไลน์
💡 เคล็ดลับ: เมื่อคุณเปิดธุรกิจ ควรสอบถามกับหน่วยงานในพื้นที่ว่ามีข้อกำหนดทางกฎหมายใดๆ หรือไม่ ซึ่งอาจรวมถึงเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของรัฐบาลกลาง ใบอนุญาต หรือใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
พัฒนาแบรนด์หนังสือ
การสร้างข้อความที่ชัดเจน เรื่องราวที่น่าสนใจ และรูปแบบภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญในทุกวงการ โดยแบรนด์หนังสือของคุณควรมีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งสามารถตอบคำถามได้ว่า “ทำไมลูกค้าถึงควรซื้อจากคุณ”
เมื่อคุณกำหนดรูปแบบธุรกิจและกลุ่มเฉพาะของคุณแล้ว ให้ลองฝึกเขียนเรื่องราวของแบรนด์ ซึ่งควรบ่งบอกถึงเส้นทางสู่การเป็นผู้ประกอบการของตัวคุณเอง เหตุผลที่เริ่มทำธุรกิจ ค่านิยมที่คุณยึดถือ คำแถลงถึงพันธกิจ และคุณค่าที่คุณมอบให้กับวงการ ลูกค้า และโลกใบนี้
คุณควรพิจารณาด้วยว่าใครคือ “ลูกค้าในอุดมคติ” ของคุณ การมองออกว่าลูกค้าเป้าหมายต้องการอะไรหรือมีสิ่งใดที่เป็นแรงจูงใจนั้นจะช่วยให้คุณสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น และยังช่วยเชื่อมโยงเหตุผลส่วนตัวของคุณเข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ทำให้สามารถสื่อสารแบรนด์ในแบบที่ตรงใจผู้อื่นได้ง่ายขึ้น และเมื่อค่านิยมของคุณสอดคล้องกับค่านิยมของลูกค้าในอุดมคติ ทั้งคุณและลูกค้าก็จะได้ประโยชน์กันทั้งคู่
ผลลัพธ์จากการฝึกฝนตรงนี้จะกลายเป็น “คู่มือแบรนด์” ซึ่งควรบ่งบอกถึงแนวทางที่ชัดเจนของตัวตนและวิธีการสื่อสารแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การตลาด แนวทางการจ้างงาน และระบบภาพลักษณ์ของแบรนด์
จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ ซึ่งรวมถึงการออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ สื่อภาพ และองค์ประกอบต่างๆ เช่น ฟอนต์และสีที่ใช้บนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และทุกพื้นที่ที่แบรนด์ของคุณจะไปปรากฏ
📚 อ่านเพิ่มเติม
- วิธีสร้างแบรนด์ใน 7 ขั้นตอน: เริ่มต้นในปี 2025
- วิธีสร้างภาพลักษณ์ประจำแบรนด์ด้วย 8 ขั้นตอนง่ายๆ
- วิธีออกแบบโลโก้ด้วยคู่มือแบบทีละขั้นตอน
ใช้เงินแค่ไหนถึงจะเปิดร้านหนังสืออิสระได้
ค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นธุรกิจหนังสือจะต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจของคุณ การเปิดร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านอาจต้องใช้เงินทุนมากในช่วงแรก ในขณะที่การจัดพิมพ์เองและการใช้รูปแบบพิมพ์ตามสั่งจะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้งบเยอะ
สำหรับผู้เขียนที่ต้องการตีพิมพ์ผลงานเอง ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการแก้ไขและออกแบบปกด้วย โดย Joanna Penn นักเขียนหนังสือขายดีและผู้ประกอบการกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของนักเขียน รวมถึงประเภทและความยาวของหนังสือด้วย” หนังสือสารคดีสั้นอาจมีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขและออกแบบปกเพียง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น แต่หนังสือนิยายเรื่องยาวอาจต้องมีขั้นตอนการแก้ไขเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายทั้งหมดอาจสูงถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่าธรรมเนียมเว็บไซต์และงบการตลาด
“ร้านหนังสือ Itty Bitty เริ่มจากการเป็นร้านเล็กๆ ในพื้นที่สำนักงานขนาด 120 ตารางฟุตที่กลายเป็นร้านหนังสือในภายหลัง ซึ่งถ้าคุณจะลงทุนทั้งหมดในทีเดียว คุณควรเตรียมเงินไว้ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ”
Dominique Lenaye
หากคุณต้องการเปิดร้านหนังสือออนไลน์ที่ขายหนังสือหลายเรื่องจากนักเขียนคนอื่น คุณจะต้องคำนึงถึงต้นทุนคลังสินค้าด้วย โชคดีที่สำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ไม่มีการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ คุณจึงสามารถเริ่มสั่งหนังสือในจำนวนไม่กี่เล่มก่อนได้
การเปิดร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านจะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงที่สุด โดย Dominique กล่าวว่า “ร้านหนังสือ Itty Bitty เริ่มจากการเป็นร้านเล็กๆ ในพื้นที่สำนักงานขนาด 120 ตารางฟุต จากนั้นจึงปรับปรุงร้านให้เป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ “ถ้าคุณจะลงทุนทั้งหมดในทีเดียว คุณควรเตรียมเงินไว้ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ”
แนวทางการจัดหาเงินทุนและแผนธุรกิจ
วิธีที่คุณตัดสินใจจัดหาเงินทุนให้กับธุรกิจนั้นจะขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของคุณ ลองพิจารณาเงินกู้จากธนาคาร การระดมทุนจากนักลงทุนเอกชน เงินช่วยเหลือ หรือการระดมทุนจากผู้คนผ่านอินเทอร์เน็ต Joanna กล่าวถึงการจัดพิมพ์ด้วยตนเองว่า “Kickstarter และแพลตฟอร์มระดมทุนผ่านอินเทอร์เน็ตอื่นๆ อนุญาตให้มีการตีพิมพ์งานพิเศษผ่านการระดมทุนจากเหล่าแฟนคลับ” โดยคุณอาจมีสิทธิ์ได้รับ Shopify Capital หลังจากที่คุณเปิดธุรกิจออนไลน์เพื่อเอามาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
แผนธุรกิจเป็นเครื่องมือที่ดีที่จะช่วยให้คุณสามารถตอบคำถามที่ผู้ให้กู้และนักลงทุนอาจถามคุณได้
การตั้งราคาหนังสือ
โดยทั่วไปแล้ว หนังสือใหม่ที่ซื้อจากสำนักพิมพ์จะมีราคาปก (หรือราคาขายปลีก) ที่กำหนดไว้ โดยอัตรากำไรของคุณจะขึ้นอยู่กับราคาที่คุณจ่ายไปสำหรับหนังสือนั้นๆ และตัวเลขตรงนี้อาจแตกต่างกันไป ซึ่งนี่คือวิธีที่ผู้ค้าปลีกและเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่สามารถครองตลาดได้ เพราะส่วนลดที่ได้จากการซื้อครั้งละเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจขนาดเล็กไม่ควรพยายามแข่งขันกันในเรื่องราคาที่ดีที่สุด โดยร้านค้ารายใหญ่หลายแห่งมักเสนอส่วนลดสำหรับหนังสือขายดีและหนังสือออกใหม่ ซึ่งบางครั้งทำให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าต้นทุนของธุรกิจขนาดเล็กสำหรับหนังสือเล่มเดียวกัน
Dominique กล่าวว่า “ฉันมักจะไม่สั่งหนังสือที่กำลังเป็นกระแสหรือได้รับความนิยมสูงสุด นี่คือเหตุผลที่ร้านฉันไม่ค่อยมีหนังสือแบบเดียวกับที่ผู้คนเห็นในร้าน Barnes & Noble” ซึ่งหากเธอมีหนังสือที่กำลังมาแรง เธอก็จะเอาไว้อ่านเองเพื่อที่จะสามารถให้บริการได้อย่างรอบรู้ “แค่ประสบการณ์นี้อย่างเดียวก็ทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายเงินซื้อจากฉันมากกว่าจะไปที่ร้านรายใหญ่แล้วล่ะ”
เมื่อต้องตั้งราคาหนังสือมือสองหรือหนังสือวินเทจ ราคาขายปลีกจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ราคาขายปลีกอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาขายมาก ตรงนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของหนังสือ สภาพหนังสือ ความต้องการ ความหายาก สถานะเลิกพิมพ์ของหนังสือ และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
📚 อ่านเพิ่มเติม
อธิบายรูปแบบธุรกิจการขายหนังสือ
ถึงแม้การเปิดร้านหนังสือหรือขายหนังสือจะมีหลายวิธี แต่คู่มือนี้จะเน้นที่แนวทางในสองวิธี ได้แก่ การตีพิมพ์ด้วยตนเองเพื่อขายหนังสือของคุณเอง และการขายหนังสือมือสองและหนังสือวินเทจ
การตีพิมพ์ด้วยตนเองและขายหนังสือของคุณแบบออนไลน์
Joanna กล่าวว่า “ชุมชนผู้สร้างสรรค์อิสระนั้นมีอำนาจมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าถึงผู้อ่านและสร้างรายได้” โดยนักเขียนไม่จำเป็นต้องใช้ช่องทางการตีพิมพ์แบบดั้งเดิม และสามารถผลิตและขายหนังสือผ่านการพิมพ์ตามต้องการหรือในรูปแบบดิจิทัลได้
ถึงวิธีการแบบเดิมๆ จะมีข้อดีหลายอย่าง เช่น การปล่อยให้มืออาชีพทำหน้าที่ในธุรกิจการจัดพิมพ์และการตลาด แต่ก็มีเครื่องมือต่างๆ มากมายที่ช่วยให้นักเขียนสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างราบรื่น โดยอินฟลูเอนเซอร์ นักข่าว และผู้สร้างสรรค์อื่นๆ ที่ได้สร้างกลุ่มผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสามารถสร้างรายได้จากความสัมพันธ์ตรงนี้ได้โดยการตีพิมพ์ผลงานและขายในช่องทางของตัวเอง
เรื่องราวความสำเร็จของ HexComix 📚
การตีพิมพ์ผลงานด้วยตนเองทำให้ทีมผู้สร้างการ์ตูนสามคน ได้แก่ Lynly Forrest, Lisa K. Weber และ Kelly Sue Milano สามารถสร้างกฎเกณฑ์ของตนเองและควบคุมความคิดสร้างสรรค์ของ HexComix ได้ นอกจากนี้ยังถือเป็นการบุกเบิกอุตสาหกรรมที่ผู้ชายครองตลาดได้อีกด้วย
โดยพวกเธอค่อยๆ เริ่มต้นด้วยการพิมพ์ฉบับแรกจำนวน 150 เล่ม และขายหมดได้ภายในวันที่สองของงานคอมมิคคอนครั้งแรกของพวกเธอ Lisa กล่าวว่า “อำนาจได้กลับคืนสู่มือผู้สร้างแล้ว นี่คือโอกาสที่มากขึ้นของทุกคน”
หากคุณประสบความสำเร็จกับหนังสือที่คุณตีพิมพ์เองเล่มแรก สำนักพิมพ์จะอยากร่วมงานกับคุณมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายโอกาสที่ผู้คนจะได้อ่านงานของคุณ หรือสนับสนุนโครงการต่อไปของคุณ แต่โปรดจำไว้ด้วยว่าสำนักพิมพ์จะต้องได้ส่วนแบ่ง โดย Joanna กล่าวว่า “หากคุณตีพิมพ์หนังสือในฐานะนักเขียนอิสระ คุณจะได้รับส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณจะได้ 70% สำหรับอีบุ๊ก และสูงถึง 90% หากคุณขายจากเว็บไซต์ของคุณเอง”
“ชุมชนผู้สร้างอิสระนั้นมีอำนาจมากขึ้น เนื่องจากมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าถึงผู้อ่านและสร้างรายได้”
Joanna Penn
นักเขียน นักเคลื่อนไหว และศิลปินอย่าง Vivek Shraya ไม่ใช้บริการสำนักพิมพ์แบบดั้งเดิมเพื่อเขียนหนังสือเรื่อง God Loves Hair และโปรเจ็กต์อื่นๆ และเธอเชื่อว่าการตีพิมพ์หนังสือเองช่วยส่งเสริมแนวคิดที่หลากหลาย โดยเธอกล่าวว่า “การตีพิมพ์ผลงานไม่ว่าจะแนวใดก็ตามถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกับนักเขียนผิวสี”
เกี่ยวกับการขายหนังสือมือสองและหนังสือวินเทจ
ธุรกิจขายสินค้ามือสองได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงปัญหาขยะและความยั่งยืนมากกว่าแต่ก่อน ถึงแม้หนังสือเสียงและอีบุ๊กจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง แต่ผู้คนส่วนมากก็ยังหลงไหลในสัมผัสของหนังสือกระดาษมากกว่า
ผู้ขายหนังสือมือสองและหนังสือวินเทจจะต้องรับมือกับ SKU และรายการสินค้าจำนวนมาก เนื่องจากสินค้าแต่ละรายการจะมีเพียงหนึ่งเดียว ทำให้ผู้ขายหนังสือออนไลน์อาจเลือกเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มและค้นหาหนังสือที่หายากหรือมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในแนวใดแนวหนึ่งหรือในช่วงเวลาหนึ่ง
คุณสามารถหาหนังสือมือสองและหนังสือวินเทจได้จากหลายแหล่ง รวมถึง
- ร้านขายของมือสอง
- การขายลดราคาเพื่อเคลียร์ห้องสมุด
- การขายของจากโรงรถหรือการขายทรัพย์สิน
- การซื้อขายจากตลาดใกล้บ้าน
- ร้านหนังสือมือสองอื่นๆ
- ตลาดออนไลน์
โดยทั่วไปแล้วหนังสือจะขายในราคาต่ำกว่าราคาที่ระบุไว้บนหนังสือ ยกเว้นว่าเป็นหนังสือมือสองที่หายาก หนังสือวินเทจ หนังสือโบราณ หรือหนังสือที่เลิกพิมพ์แล้ว ดังนั้นคุณอาจต้องเลือกหนังสือมือสองที่คุณมี โดยเฉพาะถ้าคุณขายทางออนไลน์ ลองนึกถึงความพยายามที่จำเป็นในการลงขายหนังสือ (ซึ่งเป็นสินค้าชิ้นเดียวในโลก) บนเว็บไซต์และที่เก็บหนังสือของคุณ หากเป็นหนังสือที่หาง่ายหรือไม่เป็นที่ต้องการมากนัก ราคาขายปลีกอาจต่ำเกินไปจนไม่คุ้มที่จะนำมาขาย
💡 เคล็ดลับ: ควรเก็บหนังสือให้ห่างจากพื้นที่ความชื้นสูง หลีกเลี่ยงแสงแดด และเก็บไว้ในลักษณะที่ไม่ให้หนังสือบิดหรือโค้งงอ เมื่อคุณลงขายหนังสือมือสองหรือหนังสือเก่า อย่าลืมใส่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฉบับของหนังสือ รวมถึงวันที่พิมพ์ สภาพ และความเสียหายที่มีด้วย
การจัดหาหนังสือจากผู้จัดพิมพ์ ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้ค้าส่ง
หากคุณมีแผนที่จะขายหนังสือใหม่ คุณจะต้องหาซัพพลายเออร์โดยอาจเลือกที่จะร่วมงานกับสำนักพิมพ์หลายแห่งหรือซื้อหนังสือจากผู้ค้าส่งหรือผู้จัดจำหน่าย ซึ่งคุณอาจได้หนังสือในราคาที่ดีกว่าในบางกรณี และคุณจะไม่ต้องเจอกับความยุ่งยากในการบริหารความสัมพันธ์กับผู้ร่วมธุรกิจหลายราย
สำหรับการเป็นมือใหม่ในงานสายนี้ คุณอาจพบว่าการทำงานร่วมกับผู้ค้าส่งรายเดียวเป็นเรื่องง่ายกว่า แต่ Kerrie พบว่าในแคนาดา การเปิดบัญชีกับผู้จัดพิมพ์โดยตรงนั้นเป็นเรื่องง่าย โดยกล่าวว่า “ฉันโทรหาพวกเขาและถามว่าตัวแทนขายในพื้นที่คือใคร แล้วเราก็ตกลงธุรกิจกันได้ในที่สุด”
การบริหารความสัมพันธ์กับผู้จัดพิมพ์
เมื่อคุณสานสัมพันธ์กับสำนักพิมพ์ คุณจะเริ่มมีอิสระในการทำงานมากขึ้น เมื่อธุรกิจของ Kerrie เติบโตขึ้นและเธอพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นลูกค้าที่มีคุณค่า สำนักพิมพ์จะส่ง ARC มาให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้สำนักพิมพ์บางแห่งอาจกำหนดจำนวนขั้นต่ำ แต่หลายแห่งก็ไม่ได้กำหนดตรงนี้ Kerrie กล่าวว่า “ฉันคิดว่าร้านหนังสืออิสระขนาดเล็กมักจะสั่งหนังสือแค่ 5 เล่มเท่านั้น” และเธอเสริมว่าสามารถสั่งหนังสือเพียง 1 เล่มก็ได้ในกรณีที่ลูกค้าร้องขอ
“ผู้เขียนจะเขียนจดหมายถึงผู้อ่านผ่านทางสำนักพิมพ์ โดยผู้เขียนจะไม่มอบจดหมายนี้ให้กับผู้อ่านรายใหม่ แต่เราก็ได้สานสัมพันธ์กันมาตลอดสี่ปี”
Kerrie Hansler
แต่ปริมาณและเงื่อนไขในการสั่งซื้อจะส่งผลต่อต้นทุนของคุณในฐานะลูกค้า ตัวอย่างเช่น หากคุณขอให้ส่งคืนหนังสือไปยังสำนักพิมพ์ คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับหนังสือแต่ละเล่ม อย่างไรก็ตาม Kerrie กล่าวว่ามันก็มีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง โดยบอกว่า “เราซื้อหนังสือเหล่านี้ในประเภทที่ไม่สามารถส่งคืนได้เพื่อให้ได้ส่วนลดที่มากขึ้น แต่เราสามารถส่งคืนบางเล่มได้โดยได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ”
สำนักพิมพ์อาจมอบของพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณ เช่น ป้ายชื่อบนหนังสือและจดหมายจากนักเขียน เมื่อความสัมพันธ์นั้นดีขึ้น Kerrie กล่าวว่า “ผู้เขียนจะเขียนจดหมายถึงผู้อ่านผ่านทางสำนักพิมพ์ โดยผู้เขียนจะไม่มอบจดหมายนี้ให้กับผู้อ่านรายใหม่ แต่เราก็ได้สานสัมพันธ์กันมาตลอดสี่ปี”
การตั้งร้านค้าและการขายหนังสือออนไลน์
เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การตั้งร้านค้ากลายเป็นกระบวนการที่ง่ายดายนั้นทำให้การขายหนังสือออนไลน์ง่ายกว่าแต่ก่อน รวมถึงช่องทางการขายผ่านโซเชียล เครื่องมือพิมพ์ตามสั่ง และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopify ก็ช่วยให้คุณตั้งร้านได้ภายในไม่กี่นาที
ตั้งร้านค้าออนไลน์ของคุณ
ตอนนี้คุณได้สร้างแบรนด์และเน้นไปที่รูปแบบธุรกิจของคุณแล้ว ทีนี้คุณก็จะตั้งร้านค้าบน Shopify และเว็บไซต์ได้ก่อนที่คุณจะซื้อสินค้าเข้าคลังด้วยซ้ำ
การมีเว็บไซต์และเพจโซเชียลก่อนที่จะเปิดร้านหนังสือออนไลน์นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง คุณสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแบรนด์ของคุณ รับคำติชมล่วงหน้า และเพิ่มจำนวนผู้ชมและรายชื่อการตลาดทางอีเมล เพื่อให้มีลูกค้าที่เฝ้ารอคุณอย่างใจจดใจจ่อเมื่อคุณเปิดร้านหนังสือออนไลน์อย่างเป็นทางการ
ใส่โลโก้ แอสเซทภาพ และข้อความลงในธีมที่ช่วยส่งเสริมแบรนด์ของคุณ โดยคุณสามารถปรับแต่งหลายๆ ธีมได้เต็มที่ ช่วยให้คุณอัปเดตสีและองค์ประกอบของหน้าให้เหมาะกับเค้าโครงของคุณได้
นี่คือธีมร้านหนังสือที่ตั้งไว้ให้แล้วบางส่วนที่มีขายใน Shopify
- ธีม Label ใน “Books” (฿฿฿)
- ธีม Foodie ใน “Grind” (฿฿)
- ธีม Icon ใน “Christian” (฿฿)
- ธีม Effortless ใน “Trend” (฿)
- ธีม Publisher (ฟรี)
อย่าลืมว่าคุณสามารถปรับแต่งธีมด้วยตนเองได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถจ้างพาร์ทเนอร์ Shopify เพื่อช่วยคุณสร้างการปรับแต่งเพิ่มเติมได้
💡 เคล็ดลับ: ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกเทมเพลตที่เหมาะกับร้านของคุณหรือไม่ ลองทำแบบทดสอบเลือกธีมของ Shopify
และคุณยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านหนังสือออนไลน์ของคุณด้วยแอปที่ผสานรวมเข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ของคุณได้อย่างราบรื่น นี่คือแอปของ Shopify ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ขายหนังสือออนไลน์โดยเฉพาะ
- Lulu Direct เป็นบริการพิมพ์หนังสือตามสั่ง
- Kodbar: Barcodes & Labels จะสร้างบาร์โค้ดสำหรับสินค้าและใช้ได้กับ ISBN
- Crowdfunder ช่วยให้คุณเริ่มแคมเปญระดมทุนล่วงหน้าเพื่อตีพิมพ์หนังสือของคุณเอง
- Easy Digital Products เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายหนังสือดิจิทัล เช่น eBook, PDF และ Audiobook
ช่องทางการขายหนังสืออื่นๆ
นอกจากเว็บไซต์ของคุณเองแล้ว คุณควรพิจารณาช่องทางการขายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า โดยมีตัวเลือกมากมายขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายและประเภทของคุณ
- ตลาดออนไลน์สำหรับหนังสือเก่า (สำหรับผู้ขายหนังสือเก่า) ตลาดสินค้าทำมือ Etsy ยังรองรับผู้ขายหนังสือวินเทจด้วย หากคุณขายหนังสือวินเทจหรือหนังสือโบราณ ช่องนี้จะมีผู้ที่กำลังมองหาสินค้าประเภทนี้อยู่
- การขายครั้งละมากๆ (สำหรับผู้ที่ตีพิมพ์หนังสือของตัวเอง) Joanna กล่าวว่า “นี่อาจเป็นรูปแบบที่สามารถทำกำไรได้สำหรับผู้ประกอบการและนักเขียนสารคดี โดยขายหนังสือเป็นจำนวนมากให้กับบริษัทต่างๆ และบางครั้งอาจมีการติดแบรนด์สำหรับลูกค้าด้วย โดยตัวอย่างที่ดีในรูปแบบนี้คือ Honoree Corder ซึ่งขายหนังสือของเธอให้กับทนายความ”
- เว็บไซต์ระดมทุน (สำหรับผู้ที่ตีพิมพ์หนังสือของตัวเอง) Joanna กล่าวว่า “ตอนนี้ผู้เขียนหลายคนกำลังขายหนังสือที่พิมพ์จาก Kickstarter โดยตรง ซึ่งก็คือการระดมทุนเพื่อการพิมพ์หนังสือนั่นเอง นอกจากนี้หลายคนยังมี eBook และ Audiobook ขายด้วย”
- Bookshop.org. Dominique กล่าวว่า “Bookshop เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่สนับสนุนร้านหนังสืออิสระด้วยการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้เราจากยอดขายหนังสือบนเว็บไซต์ ซึ่งทำให้ร้านหนังสือสามารถยึดมั่นในช่องทางของเราและคัดสรรคอลเลกชันของเราตามภารกิจของร้านได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นช่องทางให้ลูกค้าสั่งซื้อหนังสือที่เราไม่มีจำหน่ายในร้านได้อีกด้วย”
- ร้านป๊อปอัป ตลาด และร้านค้าปลีก หากคุณเปิดร้านหนังสือออนไลน์เพียงช่องทางเดียว ก็มีวิธีมากมายในการลองทำธุรกิจค้าปลีกเพื่อดูว่าการขายจริงนั้นจะคุ้มทุนหรือไม่ การเปิดร้านป๊อปอัปและการขอจองพื้นที่ขายในตลาดใกล้บ้านถือเป็นทางเลือกที่ใช้ต้นทุนน้อยและไม่มีข้อผูกมัดมาก เคล็ดลับดีๆ คือ คุณอาจใช้การเปิดร้านแบบป๊อปอัปเป็นไอเดียเปิดตัวธุรกิจ สำหรับการเปิดร้านหนังสือออนไลน์ของคุณก็ได้
📚 อ่านเพิ่มเติม
การตลาดสำหรับร้านหนังสือออนไลน์
เมื่ออัลกอริทึมและเทรนด์เกี่ยวกับวิธีที่ลูกค้าค้นหาและโต้ตอบกับแบรนด์มีการเปลี่ยนแปลงไป ก็อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าของธุรกิจรายใหม่ที่จะตามทันกลยุทธ์การตลาดที่คุ้มต้นทุน
สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาว่าลูกค้าในอุดมคติของคุณอยู่ที่ไหน ซึ่งตรงนี้ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ เลย โดยโฆษณาบน Facebook อาจเหมาะกับคุณที่สุดหากคุณเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีอายุมากกว่า ในขณะที่ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมต่อการลงทุนหากธุรกิจหนังสือของคุณเน้นกลุ่มคน Gen Z หรือ Gen Alpha
เจ้าของร้านหนังสือมือใหม่ที่ไม่มีงบลงทุน ให้เริ่มด้วยแผนการตลาดที่ใช้เทคนิคการตลาดแบบออร์แกนิกเพื่อช่วยสร้างกระแสและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ธุรกิจของคุณ
- ตั้งบัญชีโซเชียลและโพสต์เนื้อหาที่มีคุณค่าต่อชุมชนการอ่านอย่างสม่ำเสมอ
- ในขณะที่คุณสร้างกลุ่มผู้ชมทางโซเชียล ให้พยายามนำพวกเขาไปที่หน้า Landing Page หรือหน้าแรกของเว็บไซต์ และเสนอสิทธิประโยชน์หรือส่วนลดสำหรับการสมัครรับจดหมายข่าวทางอีเมล
- พยายามเรียนรู้เรื่อง SEO และการตลาดคอนเทนต์ หากคุณสามารถสร้างตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งได้ (ผ่านบล็อกหรือเนื้อหาอื่นๆ ในเว็บไซต์) และจัดอันดับตามคีย์เวิร์ดได้ คุณก็จะสามารถกระตุ้นการเข้าชมจากการค้นหาแบบออร์แกนิกไปสู่การซื้อสินค้าได้ โดย Joanna กล่าวว่า “eBook ฟรีที่มีเนื้อหาน่าอ่านและเป็นประโยชน์จะกระตุ้นให้ผู้อ่านลองอ่านหนังสือเล่มอื่นของคุณ”
- จัดกิจกรรมเสมือนจริงหรือ IRL ฟรี เช่น การอ่านหนังสือของนักเขียน งานแสดงหนังสือและชมรม การบรรยาย หรือเล่านิทานสำหรับเด็ก โดย Dominique มองว่าเจ้าของธุรกิจในท้องถิ่นควรเป็นที่รู้จักในชุมชน โดยกล่าวว่า “ฉันให้ความสำคัญกับการเดินทางไปยังสถานที่จัดงานและกิจกรรมต่างๆ ทั่วเมดิสันเพื่อให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น”
- ใช้โปรแกรมความภักดีบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งรวมถึงให้สิ่งตอบแทนสำหรับการแนะนำลูกค้าใหม่เพื่อให้ลูกค้าที่ดีที่สุดของคุณกลายมาเป็นทูตของแบรนด์
📚 อ่านเพิ่มเติม
ระบบงานหลังบ้านสำหรับผู้ขายหนังสือ
การจัดการและดำเนินกิจการร้านหนังสือของคุณเองจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณขายอะไรและขายอย่างไร
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคโดยทั่วไปของผู้ขายหนังสือคือเรื่องคลังสินค้า ธุรกิจหนังสือมักมี SKU จำนวนมากและมีสินค้าในคลังที่ต้องจัดการเป็นจำนวนมาก (ยกเว้นว่าคุณจะจัดพิมพ์หนังสือเองเล่มหนึ่งและพิมพ์ตามสั่ง) โดย Dominique กล่าวว่า “หากไร้เสถียรภาพในการควบคุมคลังสินค้า ทุกอย่างอาจแย่เกินควบคุมได้ในเวลาอันรวดเร็ว”
“เราย้ายจากการบรรจุกล่องในห้องใต้ดินไปที่ห้องนั่งเล่นของเรา ห้องใต้ดินของเพื่อน แล้วก็ย้ายไปที่โกดังในเมือง ส่วนตอนนี้เราให้บริษัท 3PL จัดการให้เราแล้ว”
Kerrie Hansler
Shopify ช่วยให้คุณซิงค์สินค้าคงคลังของคุณในทุกช่องทางการขาย และมีแอปสำหรับจัดการคลังสินค้าหลายตัว เช่น Stocky ที่ผสานการทำงานเข้ากับร้านค้าของคุณเพื่อให้คุณทำงานง่ายขึ้น
เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น ให้นึกถึงการจ้างบริษัทโลจิสติกส์จากภายนอก (3PL) เพื่อจัดการด้านการจัดเก็บ การบรรจุ และการจัดส่ง โดย Kerrie กล่าวว่า “เราย้ายจากการบรรจุกล่องในห้องใต้ดินไปที่ห้องนั่งเล่นของเรา ห้องใต้ดินของเพื่อน แล้วก็ย้ายไปที่โกดังในเมือง ส่วนตอนนี้เราให้บริษัท 3PL จัดการให้เราแล้ว” โดยตรงนี้ยังช่วยให้ Sweet Reads Box เข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย “เราสามารถขอความช่วยเหลือด้านพิธีการศุลกากรได้ เนื่องจากพวกเขาสามารถเคลียร์สินค้าทั้งหมดได้”
นอกจากนี้ Sweet Reads Box ยังรับคนมาช่วยจัดการระบบงานธุรการของธุรกิจอีกด้วย เพื่อให้ Kerrie สามารถติดต่อเพื่อจัดหาสินค้าได้ โดยมีลูกสาวของผู้ร่วมก่อตั้งของ Kerrie เป็นพนักงานคนแรก Kerrie กล่าวว่า “ตั้งแต่นั้นมา เราก็จ้างพนักงานมาช่วยจัดการอีเมลบริการลูกค้า การสั่งซื้อ การจัดส่ง และระบบงานธุรการ”
เริ่มเรื่องราวบทใหม่ในชีวิตของคุณ
เมื่อคุณเริ่มเส้นทางการเป็นผู้ขายหนังสือ ทั้ง Dominique และ Kerrie แนะนำให้ยึดมั่นในแผนของคุณ หากคุณสร้างธุรกิจในช่องทางหรือรูปแบบเฉพาะ นี่คือสิ่งที่จะทำให้คุณได้รับลูกค้าชั้นดีและช่วยให้คุณโดดเด่นขึ้นมาได้ โดย Dominique กล่าวว่า “คุณจะหลงทางได้ง่ายๆ เลย ถ้าคุณไม่มีแผนธุรกิจและพันธกิจ” โดยแผนธุรกิจและการดำเนินการตามแบรนด์ของคุณจะเป็นรากฐานสู่การก้าวไปข้างหน้า
Kerrie เสริมว่า “จงซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่คุณรัก ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ชอบอ่านหนังสือแนววิทยาศาสตร์ จริงๆ เราทำชุดหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ได้นะ แต่ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าจะใส่อะไรลงไปนี่สิ” สำหรับผู้หญิงทั้งสองคนนี้ เธอมีแนวทางความหลงใหลที่ชัดเจน และนั่นก็สะท้อนถึงลูกค้าที่ต้องการหลีกหนีจากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีหนังสือหลายล้านเล่ม
เมื่อมีเครื่องมือใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน การเป็นผู้ขายหนังสือออนไลน์อิสระจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ค้นหาช่องทางของคุณ ใช้พลังของการเล่าเรื่อง และสร้างอนาคตด้วยการนำเสนอความมหัศจรรย์ของการอ่านให้มากยิ่งขึ้น
ภาพประกอบโดย Pete Ryan
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปิดร้านหนังสือออนไลน์
จะเริ่มธุรกิจเปิดร้านหนังสือออนไลน์ได้อย่างไร?
วิธีที่ดีที่สุดในการเปิดร้านหนังสือออนไลน์คือการทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- เลือกรูปแบบธุรกิจร้านหนังสือและแนวทางเฉพาะ
- กำหนดกลุ่มเป้าหมายและแบรนด์ของคุณ
- จัดหาหนังสือผ่านผู้จัดพิมพ์หรือผู้เขียน (หรือในกรณีของหนังสือเก่า ให้หาจากร้านขายของมือสอง ตลาดเปิดท้ายขายของเก่า และตลาดทั่วไป)
- สร้างเว็บไซต์
- สร้างแผนการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย
- เริ่มขายและทำการขายหนังสือ
เปิดร้านหนังสือออนไลน์ ทำเงินได้จริงมั้ย?
ทุกธุรกิจล้วนทำเงินได้ถ้ามีกลยุทธ์ที่ถูกต้อง คุณสามารถแข่งขันกับผู้ค้ารายใหญ่ด้านหนังสือปลีกได้ หากคุณเข้าใจช่องทางของคุณและอย่าพยายามแข่งขันด้วยราคา มองหาสิ่งที่ทำให้ร้านหนังสือของคุณพิเศษและใช้ประโยชน์จากมัน กำหนดกลยุทธ์ด้านราคาที่จะทำให้คุณได้กำไรจากการขายหนังสือ นอกจากนี้ คุณยังสามารถหาแหล่งรายได้อื่นๆ ได้ผ่านสินค้าหนังสือ งานอีเวนต์ และการสมัครสมาชิก
ต้องมีเงินเท่าไรถึงจะเปิดร้านหนังสือออนไลน์ได้?
จำนวนเงินที่คุณต้องใช้ในการเปิดร้านหนังสือของคุณเองนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบร้านของคุณ โดยร้านหนังสือออนไลน์จะใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่าร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านมาก และคุณยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น สต๊อกสินค้า ค่าธรรมเนียมซอฟต์แวร์และเว็บไซต์ งบการตลาด และค่าใช้จ่ายประจำอื่นๆ เช่น ค่าเช่าที่และค่าน้ำค่าไฟ คุณสามารถเริ่มธุรกิจของคุณเองได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์หากคุณเลือกทำธุรกิจในรูปแบบหนังสือพิมพ์ตามสั่ง หรือการจัดส่งหนังสือที่ไม่จำเป็นต้องมีสต๊อกสินค้า