เมแกน ค็อกซ์ ตื่นขึ้นมาเช้าวันหนึ่งแล้วพบว่าเธอทำยอดขายได้ราว 360,000 บาท ในข้ามคืนตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาที่ MIT และเพิ่งเปิดตัวแบรนด์สกินแคร์ของตัวเองชื่อ Amalie Beauty ซึ่งนับเป็นก้าวแรกในเส้นทางผู้ประกอบการ
ในช่วงไม่กี่ปีถัดมา เมแกนสามารถต่อยอดแบรนด์ให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักแสนดอลลาร์ แม้เซรั่มบำรุงขนตาและออยล์บำรุงผิวหน้าจะขายดีจนหมดสต็อกอยู่เสมอ แต่เธอกลับเริ่มรู้สึกหมดไฟกับการบริหารแบรนด์สกินแคร์แบบขายตรงถึงผู้บริโภค (DTC)
เมแกนมาถึงทางแยก—ขยายต่อหรือขายธุรกิจ
สุดท้ายเธอเลือกขายแบรนด์เดิม แล้วหันมาโฟกัสกับอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เธอปลุกปั้นควบคู่กันมา นั่นคือ Genie Supply ห้องแล็บความงามแนวคลีนบิวตี้ที่ผลิตสินค้าสำหรับผู้ประกอบการอีกนับร้อยรายที่เริ่มต้นเส้นทางแบบเดียวกับเธอ—มีเพียง “ไอเดีย” และ “ความหลงใหลในสกินแคร์”
ด้วยประสบการณ์ทั้งด้านการขายตรง (DTC) และด้านการผลิต เมแกนจึงมีคำแนะนำมากมายสำหรับคนที่สนใจเรียนรู้วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ ตั้งแต่บทเรียนที่ต้องเจ็บจริง ไปจนถึงเทคนิคสำคัญเรื่องฉลากสินค้า และการหาโรงงานผู้ผลิตที่ใช่สำหรับแบรนด์คุณ
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ใน 11 ขั้นตอน
- เริ่มต้นเลย แม้คุณจะยังไม่รู้สึกว่าพร้อม
- วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ด้วยการศึกษาข้อมูลตลาดให้รอบด้าน
- หาจุดยืนของแบรนด์สกินแคร์ (Niche)
- ลงทุนสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง
- ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- เรียนรู้การคิดสูตรและการผลิตสกินแคร์ด้วยตัวเอง
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผู้ผลิต
- ทดสอบสูตรผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดในหลายมิติ
- เข้าใจกฎหมายความปลอดภัยและการติดฉลากในธุรกิจสกินแคร์
- สร้างความเชื่อมั่นผ่านความโปร่งใสและคอนเทนต์
- ใช้จุดเด่นเฉพาะตัวของคุณให้เป็นพลังในการสร้างแบรนด์
วิธีการเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ หมายถึงการต้องศึกษาหาข้อมูลในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเคมีพื้นฐาน มาตรฐานการผลิต หรือแม้แต่แหล่งวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจต้องใช้เงินลงทุนจำนวนไม่น้อยในช่วงเริ่มต้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเริ่มต้นไม่ได้ถ้ามีงบจำกัด อย่างที่เมแกนเคยพิสูจน์มาแล้ว เพราะถ้าคุณมีใจรักและรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ แบบเริ่มจากศูนย์ก็สามารถเป็นจริงได้
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักขั้นตอนต่างๆ พร้อมบทเรียนจากประสบการณ์จริงของเมแกนตลอดเส้นทางธุรกิจสายความงาม
เลื่อนดูขั้นตอนด้านล่าง และสามารถดาวน์โหลดเช็กลิสต์สำหรับเริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์ได้ เพื่อใช้ติดตามความคืบหน้า (คลิกเพื่อดาวน์โหลด)
1. เริ่มต้นเลย แม้คุณจะยังไม่รู้สึกว่าพร้อม
ข้อมูลจาก Burst คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมสกินแคร์ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 204.61 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์อิสระ ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม
“แบรนด์เก่าอย่าง Estée Lauder, L'Oréal ไม่ได้โตขึ้น” เมแกนกล่าว “ทุกวันนี้แบรนด์อินดี้กับคลีนบิวตี้คือแรงขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมความงาม”
ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ใหญ่จึงเริ่มเข้าซื้อกิจการแบรนด์เล็กๆ เพื่อรักษาพื้นที่ในตลาด
ตัวอย่างหนึ่งคือ Tarte แบรนด์คลีนบิวตี้ที่ Maureen Kelly ก่อตั้งจากห้องนอนเล็กๆ ของตัวเองในปี 1999 เข้าร่วมไลน์สินค้าของ Sephora ในปี 2003 และทำรายได้ถึง 12 ล้านดอลลาร์ในปี 2008 ก่อนที่เธอจะขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับ Kosé บริษัทบิวตี้ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 2014
ทุนเริ่มต้นของ Maureen คือประมาณ 648,000 บาท (18,000 ดอลลาร์)
หากคุณกำลังมองหาวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ อย่าลืมเผื่อเวลาไว้ด้วย เพราะการพัฒนาสินค้าสกินแคร์ใช้เวลาขั้นต่ำ 12 สัปดาห์ และส่วนใหญ่มักต้องใช้เวลานานกว่านั้นในการ R&D, ทดสอบสูตร และเตรียมเข้าสู่ตลาดจริง
อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อม 100% เพราะเทรนด์ความงามเปลี่ยนไวมาก บางครั้งการเริ่มลงมือทันทีในจังหวะที่มีไอเดียดีๆ อาจคุ้มค่ากว่าการรอเวลาที่ “สมบูรณ์แบบ”
2. วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ด้วยการศึกษาข้อมูลตลาดให้รอบด้าน
ข้อมูลจาก Burst ระบุว่า การทำวิจัยตลาดในอุตสาหกรรมความงามมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเทรนด์เปลี่ยนเร็ว แต่ในความผันผวนนั้นก็ยังมีโอกาสสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
ติดตามเทรนด์ผ่านสื่อความงาม อินฟลูเอนเซอร์ และเครื่องมืออย่าง Google Trends เพื่อตรวจสอบว่าไอเดียของคุณมีแนวโน้มว่าจะไปได้ดีหรือไม่
เมแกนบอกว่า “ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่เริ่มมีกำลังซื้อจริงจัง ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับนวัตกรรมใหม่ๆ”
วิเคราะห์คู่แข่ง
ตอนที่เมแกนพัฒนาแบรนด์สกินแคร์ของเธอ เธอสั่งซื้อเซรั่มบำรุงขนตาที่ติดอันดับขายดีบน Amazon มาทดลองทั้งหมด พร้อมกับค้นคว้าเอกสารวิจัยในฐานข้อมูลของ MIT
เธอพบว่างานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า “กรดไขมันจำเป็น” (Essential Fatty Acids) มีศักยภาพในการดูแลขนตา แต่ในเวลานั้นยังไม่มีแบรนด์ไหนนำส่วนผสมนี้มาใช้จริง
“เรามีพื้นฐานวิชาเคมีนิดหน่อย แต่จริงๆ แล้ว ข้อมูลเกือบทั้งหมดหาได้จากอินเทอร์เน็ต” เมแกนกล่าว
“มีคนเก่งมากมายที่แชร์ข้อมูลคุณภาพฟรีๆ บนโลกออนไลน์”
ขั้นตอนนี้ควรรวมทั้งการวิเคราะห์ตลาด (Market Research), วิเคราะห์คู่แข่ง (Competitive Analysis) และการค้นคว้าคีย์เวิร์ด (Keyword Research) เพื่อดูว่าแนวคิดของคุณมีศักยภาพแค่ไหน
และในวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ อย่าลืมคำนวณต้นทุนเบื้องต้นด้วยว่า การเริ่มต้นทำแบรนด์ของคุณต้องใช้เงินเท่าไหร่ และจะหาเงินทุนมาจากแหล่งไหนบ้าง
📖 อ่านเพิ่มเติม
- เส้นทางการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบ สำหรับเจ้าของธุรกิจทุกแนว
- วิธีคำนวณความต้องการของตลาด สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
- การวิเคราะห์คู่แข่งคืออะไร? พร้อมเทมเพลตใช้งานจริง
- ค่าใช้จ่ายของเจ้าของธุรกิจ คุณต้องใช้งบเท่าไหร่ในปีแรก?
3. หาจุดยืนของแบรนด์สกินแคร์ (Niche)
โอกาสของผู้เริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์อยู่ที่ การมองเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้รับการตอบโจทย์จากแบรนด์ในตลาดอย่างชัดเจน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือวงการเครื่องสำอาง ที่แบรนด์อินดี้เป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับเฉดสีผิวหลากหลายมากกว่าบริษัทใหญ่
ขั้นตอนต่อมาของวิธีทำแบรนด์สกินแคร์คือการมองหาเทรนด์ใหม่ตั้งแต่ระยะต้น ซึ่งถือว่าสำคัญ แต่ต้องระวังเทรนด์ที่มาไวไปไว และต้องมีแผนธุรกิจที่ยั่งยืนรองรับไว้เสมอ
“พักหลังเราเห็นหลายคนหลงตามกระแสส่วนผสมที่กำลังฮิตในช่วงนั้นมากเกินไป” เมแกนกล่าว
แม้ว่าปัจจุบันวงจรพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จะรวดเร็วขึ้น แต่ในหลายกรณี แบรนด์ก็ยังตามไม่ทันกระแสแบบชั่ววูบ
“บางทีคุณก็ช้ากว่าเทรนด์ไปแล้วถึง 4 เดือน” เมแกนมักจะบอกกับลูกค้าที่เธอให้คำปรึกษา “กว่าคุณจะเข้าสู่ตลาด เทรนด์นั้นอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้”
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์แบบอินโนเวชัน (การสร้างสรรค์ใหม่) จึงเป็นทางรอดของแบรนด์สกินแคร์อินดี้ ไม่ใช่การวิ่งตามกระแส เพราะในขณะที่แบรนด์ใหญ่เน้นขายให้ได้กับทุกคน แบรนด์เล็กมีข้อได้เปรียบในการเข้าใกล้ตลาดเฉพาะ (niche) หรือแก้ปัญหาบางอย่างอย่างเจาะจง ซึ่ง “ปัญหา” มีแนวโน้มจะเปลี่ยนช้ากว่า “เทรนด์”
แต่ถ้าคุณต้องการเจาะตลาดวงกว้าง หรือเลือกใช้แนวทางพื้นฐานในแง่ของสูตรและประเภทผลิตภัณฑ์ ก็สามารถใช้ แนวคิดแบรนด์และปรัชญาที่ชัดเจน เป็นตัวเชื่อมโยงกับลูกค้าได้
“ถ้าคุณเลือกจะใส่ หรือไม่ใส่ส่วนผสมบางอย่าง ควรคิดให้รอบด้านและมีเหตุผลรองรับอย่างแท้จริง” เมแกนแนะนำ
สกินแคร์สายวีแกน

Glow Oasis
Glow Oasis คือหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากการตอบโจทย์กระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์สกินแคร์วีแกนและปราศจากการทดลองในสัตว์ (Cruelty-Free)
การเจาะตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับ “ไลฟ์สไตล์เฉพาะทาง” อย่างเช่น อาหารวีแกน เป็นแนวทางที่เห็นได้บ่อยในธุรกิจอาหาร และแนวคิดเดียวกันนี้ก็ใช้ได้ในธุรกิจสกินแคร์เช่นกัน
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นวีแกนและไม่ทดลองในสัตว์กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ใช่แค่ทางเลือกเฉพาะกลุ่มเหมือนในอดีต การวางแผนตั้งแต่แรกให้สินค้าอยู่ในมาตรฐานนี้ จะช่วยลดต้นทุนในการ “ปรับสูตร” ภายหลัง เมื่อตลาดเริ่มเรียกร้องมาตรฐานด้านจริยธรรมมากขึ้น
สกินแคร์สายธรรมชาติ
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ตามเทรนด์คลีนบิวตี้ (Clean Beauty) ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง กระแสรักสุขภาพที่เคยอยู่แค่ในวงการอาหาร ได้ขยายเข้ามาสู่โลกของสกินแคร์ด้วย ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มใส่ใจ “สิ่งที่สัมผัสร่างกาย” ไม่แพ้สิ่งที่รับประทานเข้าไป
หากคุณกำลังมองหาแนวทางทำแบรนด์สกินแคร์ในกลุ่มนี้ สิ่งสำคัญคือต้อง ให้ความสำคัญกับการจัดการวัตถุดิบและห่วงโซ่อุปทาน เป็นพิเศษ
เพราะผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้สารกันเสียสังเคราะห์จะมีอายุการเก็บรักษาสั้นลง และอาจเสียได้ง่ายกว่าสินค้าทั่วไป
เทรนด์และกลุ่มเฉพาะทางอื่นๆ ในธุรกิจสกินแคร์

หากคุณกำลังหาช่องทางแตกต่างในการเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ ลองเจาะลึกทั้งเทรนด์ที่กำลังมา และตลาดเฉพาะที่ยังไม่มีแบรนด์ใดตอบสนองได้ดีพอ ตัวอย่างกลุ่มไอเดียที่น่าสนใจ ได้แก่
- สกินแคร์เฉพาะปัญหาผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นโรซาเซีย หรือผื่นเรื้อรัง
- Adaptive skin care ที่มีส่วนผสมตอบสนองสภาพผิวแบบเรียลไทม์
- สกินแคร์แบบมัลติยูส เช่น บาล์มใช้ได้ทั้งหน้าและตัว
- เมกอัพแนวสกินแคร์ เช่น ครีมบลัชที่ช่วยบำรุงผิวไปในตัว
- ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น แผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์ วิตามินบำรุงผิว หรืออุปกรณ์สปาใช้ที่บ้าน
- สกินแคร์ที่เจาะกลุ่มเฉพาะ เช่น ผู้ป่วยฟื้นตัวจากโรคมะเร็ง
- ส่วนผสมที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น เรตินอล โปรไบโอติกส์ หรือไฮยาลูรอนิคแอซิด
- สูตรผลิตภัณฑ์แบบเรียบง่าย ที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ และราคาจับต้องได้ เช่น สกินแคร์ออร์แกนิก วัตถุดิบธรรมชาติ หรือเครื่องสำอางแบบคลีน
📖 อ่านเพิ่มเติม
- หาสินค้ามาขายด้วย 12 กลยุทธ์ในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรได้ตั้งแต่ต้น
- 9 ตัวอย่างตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง
4. ลงทุนสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง

ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ควรถามตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่า “แบรนด์ของคุณยืนอยู่บนจุดยืนใด”
คุณสามารถเริ่มต้นสร้างแบรนด์ และค่อยๆ สร้างฐานผู้ติดตามได้ตั้งแต่ช่วงแรก โดยยังไม่ต้องเปิดตัวสินค้าเลยด้วยซ้ำ ช่วงเวลาเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้กลุ่มเป้าหมายของตัวเอง รวบรวมฟีดแบ็ก และสร้างความเชื่อมั่นระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ในช่วงนี้คือการใช้เวลาเริ่มต้นนี้ให้เป็นโอกาสในการเล่าเรื่องแบรนด์ให้ชัดเจน และสร้างกระแสรอบการเปิดตัวสินค้า
เมแกนเคยเข้าใจว่า กลุ่มเป้าหมายของเธอคือคนรุ่นใหม่ที่มีปัญหาขนตาจากการต่อขนตาหรือภาวะ Trichotillomania (โรคที่ทำให้คนถอนขนตัวเองโดยไม่รู้ตัว)
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สินค้าของเธอกลับโดนใจกลุ่มอื่นแทน
“เราพบว่าผู้หญิงวัยกลางคนและผู้ที่เพิ่งผ่านการรักษามะเร็งคือกลุ่มที่ตอบสนองกับผลิตภัณฑ์ของเรามากที่สุด ซึ่งเราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย” เมแกนเล่า
เธอจึงตัดสินใจหันมาสนับสนุนกลุ่มผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยจัดแคมเปญบริจาคสินค้าฟรี 1 ชิ้นให้กับผู้ป่วยที่รักษาหายทุกครั้งที่มีการขาย 1 ขวด
การปรับตัวในด้านการตลาดและทิศทางวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะ Amalie ยังเป็นแบรนด์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง แต่สิ่งสำคัญคือการวางพื้นฐานแบรนด์ให้แข็งแรงตั้งแต่เริ่มต้น
การมีน้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice) และการสื่อสารที่สม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มการจดจำแบรนด์และสร้างความไว้วางใจ
อัตลักษณ์แบรนด์ด้านภาพ (Visual Identity) ก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในวงการสกินแคร์
แพ็กเกจที่สะท้อนรสนิยมของกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน จะทำให้แบรนด์ดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
อย่าลืมวางแนวทาง (Brand Guideline) ให้ชัด เพื่อให้ทุกจุดที่แบรนด์ของคุณไปปรากฏ ไม่ว่าจะบนบรรจุภัณฑ์ เว็บไซต์ หรือโซเชียล ยังคงสอดคล้องกันตลอดเส้นทาง
📖 อ่านเพิ่มเติม
- วิธีเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของคุณเองจากศูนย์ใน 7 ขั้นตอน
- ไอเดียออกแบบแบรนด์ สำหรับทุกงบและทุกระดับฝีมือ
- สร้างตัวตนบนโซเชียลมีเดียอย่างจริงใจ พร้อมช่วยเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
- Brand Guidelines คืออะไร? พร้อมวิธีสร้างคู่มือสไตล์แบรนด์ของคุณเอง
5. ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ตอนเริ่มธุรกิจ เราไม่มีทั้งเงินและประสบการณ์” เมแกนเล่าย้อนถึงวันแรกที่เธอเริ่มทำแบรนด์สกินแคร์
เงินลงทุนก้อนแรกของเธอมีแค่ 1,812 ดอลลาร์ หรือประมาณ 65,000 บาท (ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 10 ของเงินที่แบรนด์ Tarte ใช้ตอนเริ่มต้น) และนั่นคือเงินทั้งหมดที่เธอมีในตอนนั้น
เมแกนใช้เงินประมาณ 25,000 บาท ในการจดทะเบียนบริษัท ซื้อขวดเปล่า 500 ใบ กล่องบรรจุอีกหลายพันใบ และจ่ายค่าสมัคร Shopify เดือนแรก เหลือเงินติดบัญชีอยู่แค่ประมาณ 216 บาท (6 ดอลลาร์)
เมื่อไม่มีงบสำหรับการตลาด เมแกนวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ของเธอจึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เธอเริ่มจากการเข้าไปโพสต์ในเว็บบอร์ดของผู้ป่วยมะเร็งที่ฟื้นตัว ซึ่งทำให้มีลูกค้าเข้ามาบ้าง
แต่จุดเปลี่ยนคือ การโทรไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น โดยหนังสือพิมพ์สัมภาษณ์เธอและลงข่าว ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
จุดพลิกจริงๆ คือเมื่อข่าวนี้ถูกนำไปต่อยอดโดยสื่อระดับรัฐและ Associated Press
“เรานอนหลับไป และเมื่อตื่นขึ้นมา เราทำยอดขายได้ราว 360,000 บาท (10,000 ดอลลาร์) และสินค้าก็ขายหมด” เมแกนกล่าว
เมื่อเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ของคุณเอง ลองหาวิธีขยายงบอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มธุรกิจจากบ้านการลองใช้ไอเดียการตลาดแบบออร์แกนิก หรือการบูตสแตรปธุรกิจให้เติบโตทีละก้าวด้วยกำไรที่มีอยู่
📖 อ่านเพิ่มเติม
- 64 ไอเดียธุรกิจขนาดเล็กที่น่าสนใจ
- วางแผนงบประมาณธุรกิจขนาดเล็ก ใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ไอเดียจัดโฮมออฟฟิศให้น่าทำงาน เพิ่มพลังและประสิทธิภาพในแต่ละวัน
6. เรียนรู้การคิดสูตรและการผลิตสกินแคร์ด้วยตัวเอง

มีหลายวิธีในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเองที่บ้าน การเช่าสถานที่ผลิตเฉพาะ การทำงานร่วมกับห้องแล็บเพื่อสร้างสูตรเฉพาะ หรือเลือกใช้แนวทาง Private Label หรือ White Label ผ่านผู้ผลิตเครื่องสำอางโดยตรง
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ด้วยการทำจากที่บ้าน
สูตรง่ายๆ อย่างออยล์บำรุงผิวสามารถผลิตเองที่บ้านได้ แต่หากต้องการผลิตเครื่องสำอางในสหรัฐฯ คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางของ FDA ซึ่งครอบคลุมเรื่องการระบายอากาศ การควบคุมฝุ่นในอากาศ และความสะอาดของพื้นผิวที่ใช้ผลิต
แม้กระบวนการผลิตควรเป็นไปตามมาตรฐาน FDA แต่ก็มีความยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ผลิตเป็นรอบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องคลีนรูมแบบเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นลักษณะเต็นท์ป๊อปอัปที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตขนาดเล็กโดยเฉพาะ
“ถ้าคุณเริ่มจากเล็กๆ การได้ลองสัมผัสวัตถุดิบจริงๆ และทดลองด้วยตัวเองถือว่ามีคุณค่า” เมแกนกล่าว “แต่สุดท้ายคุณก็ยังต้องทำงานร่วมกับผู้ผลิตอยู่ดี”
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามชื่อดังหลายราย เช่น Melissa Butler จาก The Lip Bar ก็เริ่มต้นจากห้องครัวในบ้าน ก่อนจะย้ายไปใช้โรงงานผลิตเมื่อแบรนด์เติบโตขึ้น
การทดลองพัฒนาสูตรด้วยตัวเองตั้งแต่แรก จะช่วยให้คุณเข้าใจคุณสมบัติต่างๆ ที่ต้องการในสูตร เช่น ความหนืด ลักษณะภายนอก กลิ่น ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้คุณสื่อสารกับผู้ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงงานผู้ผลิต

ตอนที่เมแกนยังเป็นเจ้าของแบรนด์แรก เธอทำงานร่วมกับโรงงานผลิตทั้งในสหรัฐฯ และจีน ซึ่งแต่ละที่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตที่คุณต้องการ และระดับของการมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิต
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ในช่วงดังกล่าว เมแกนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศจีนเพื่อตรวจสอบการผลิตอย่างใกล้ชิด
“เราอยากรู้ว่าวัตถุดิบของเรามาจากไหน อยากมีเอกสารกำกับทุกขั้นตอน และอยากอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง” เธอกล่าว
แต่หลังจากผ่านประสบการณ์มากขึ้น เธอก็เริ่มปรับมุมมอง
“เราคิดว่าการเจรจาเรื่องคุณภาพในทุกจุดตั้งแต่ต้นเป็นเรื่องสำคัญมาก และคุณควรบอกความคาดหวังทั้งหมดให้ชัดเจน” เมแกนแนะนำ
“แต่สุดท้ายแล้ว คุณต้องไว้ใจให้ผู้ผลิตทำหน้าที่ของเขา เพราะคุณไม่สามารถโต้แย้งในทุกรายละเอียดหรือจับผิดทุกบาททุกสตางค์ได้ตลอด”
โดยทั่วไปแล้ว การผลิตสินค้าความงามก็เหมือนกล่องดำที่มองไม่เห็นข้างใน
เมแกน ค็อกซ์
แม้ว่าการทำงานกับโรงงานในจีนจะมีข้อดีหลายด้าน เช่น ราคาที่แข่งขันได้และตัวเลือกที่หลากหลาย แต่เมแกนและหุ้นส่วนตัดสินใจย้ายฐานการผลิตของ Genie Supply กลับมายังสหรัฐฯ เพื่อให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมในการทำธุรกิจร่วมกัน
“การผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมความงาม โดยทั่วไปแล้วมักเป็นเหมือนกล่องดำ” เมแกนกล่าว ซึ่งเธอเองต้องเรียนรู้ทุกขั้นตอนด้วยตัวเองอย่างลำพัง
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บริษัทใหม่ของเธอทุ่มเททรัพยากรในการให้ความรู้แก่ลูกค้า พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูลต่างๆ อย่างโปร่งใสบนเว็บไซต์โดยตรง
หากคุณเป็นมือใหม่ในธุรกิจสกินแคร์ ควรมองหาผู้ผลิตแบบเดียวกับ Genie Supply ที่สามารถแนะนำและพาคุณก้าวผ่านกระบวนการต่างๆ ได้อย่างเข้าใจและมั่นใจ
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์แบบ White Label และ Private Label
White Label คือการนำสินค้าที่มีอยู่แล้วมาทำแบรนด์ของตัวเอง พร้อมปรับแต่งในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น บรรจุภัณฑ์ โลโก้ หรือกลิ่น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้จากแบรนด์ส่วนตัว เช่น ครีเอเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานผู้ติดตามขนาดใหญ่ แต่ไม่สนใจพัฒนาสูตรด้วยตัวเอง
Private Label มีลักษณะคล้ายกับ White Label แต่สามารถปรับแต่งสินค้าได้ลึกกว่า ทั้งในแง่ของสูตรและภาพลักษณ์แบรนด์ โดยมักพัฒนาเป็นพาร์ตเนอร์กับแล็บผู้ผลิต เช่น Genie Supply
ทั้งสองโมเดลเป็นวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ที่เปิดโอกาสให้คุณเริ่มต้นได้ แม้ไม่มีประสบการณ์เลยก็ตาม
📖 อ่านเพิ่มเติม
- วิธีหาโรงงานหรือซัพพลายเออร์สำหรับไอเดียสินค้าของคุณ
- 11 สินค้า White Label น่าขายออนไลน์
- วิธีสร้างต้นแบบสินค้า พร้อมปกป้องดีไซน์และทรัพย์สินทางปัญญา
- วิธีหาและเริ่มขายสินค้า Private Label อย่างมืออาชีพ
8. ทดสอบสูตรผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดในหลายมิติ

เมแกนได้บทเรียนสำคัญจากประสบการณ์ตรงว่า การทดสอบทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตสกินแคร์เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าสูตรของผลิตภัณฑ์ Amalie และบรรจุภัณฑ์จะผ่านการทดสอบแยกกันแล้ว แต่เมื่อทั้งสองถูกนำมาใช้งานร่วมกัน กลับเกิดปัญหาร้ายแรง
ผลิตภัณฑ์ไม่เข้ากับกาวที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ ทำให้แปรงในขวดหลุดออกมา “บรรจุภัณฑ์คือปัญหาใหญ่สำหรับเราเลย” เมแกนกล่าว “เราเสียลูกค้าไปเยอะมาก เพราะผลิตภัณฑ์ดูไม่น่าเชื่อถือ”
สำหรับผู้เริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ การทำงานร่วมกับแล็บที่มีประสบการณ์คือข้อได้เปรียบสำคัญ แม้ว่าการผลิตในอเมริกาเหนืออาจมีต้นทุนสูงกว่า แต่ก็แลกมากับการได้เข้าไปดูขั้นตอนการทดสอบด้วยตนเอง และเข้าถึงโรงงานได้โดยตรง ซึ่งช่วยให้ควบคุมคุณภาพและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
📖 อ่านเพิ่มเติม
9. เข้าใจกฎหมายความปลอดภัยและการติดฉลากในธุรกิจสกินแคร์
การเริ่มต้นในอุตสาหกรรมสกินแคร์ก็ไม่ต่างจากการทำธุรกิจอาหาร เพราะคุณกำลังผลิตสินค้าที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรง
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับความรู้เกี่ยวกับสารกันเสีย อายุการเก็บรักษา สารก่อภูมิแพ้ ตลอดจนการเก็บรักษาและการขนส่งอย่างเหมาะสมจึงเป็นข้อปฏิบัติสำคัญของวิธีทำแบรนด์สกินแคร์
คุณควรเลือกแล็บผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการทั้งหมดมีมาตรฐาน
อายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์
ลูกค้ามักคาดหวังว่าสินค้าที่มีฉลากว่า “ธรรมชาติ” หรือ “ออร์แกนิก” จะไม่มีสารกันเสียเลย
แต่การไม่ใส่สารกันเสียก็อาจส่งผลต่อความคงตัวของผลิตภัณฑ์ได้อย่างมาก
ตอนเมแกนเปิดตัวแบรนด์ Amalie ใหม่ๆ สินค้ามีอายุการใช้งานประมาณ 12 เดือน แต่เมื่อผู้จัดจำหน่ายระบายสินค้าได้ไม่ทันเวลา เมแกนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสินค้าใหม่ให้ทั้งหมด
เพราะเธอไม่ต้องการให้มีผลิตภัณฑ์หมดอายุออกสู่ตลาดพร้อมชื่อแบรนด์ของเธอติดอยู่
“ฉันแบกรับต้นทุนมหาศาลในจุดนั้น แต่ฉันไม่ยอมให้ใครได้รับสินค้าที่แย่ซึ่งมีชื่อของฉันติดอยู่เด็ดขาด” เธอกล่าว
“ไม่มีใครมาตรวจสอบแทนคุณ คุณต้องตรวจสอบด้วยตัวเองและมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายการติดฉลากของ FDA”
เมแกน ค็อกซ์
กฎหมายการติดฉลาก
ข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นสิ่งที่อาจดูน่ากังวลสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำแบรนด์สกินแคร์ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มจากศูนย์ และยิ่งไปกว่านั้น แต่ละประเทศหรือภูมิภาคก็มีกฎที่แตกต่างกันออกไป
เมแกนซึ่งเคยต้องศึกษากฎหมายเหล่านี้ด้วยตัวเอง ได้พัฒนาไกด์ภาพบนเว็บไซต์ของ Genie Supply เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเธอเข้าใจง่ายขึ้น
“เมื่อ 5 ปีก่อน ถ้ามีไกด์แบบนี้ ฉันคงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา” เธอกล่าว “นั่นแหละคือเหตุผลที่เราสร้างมันขึ้นมา”
แม้ว่าแล็บที่เชื่อถือได้จะสามารถช่วยตรวจสอบให้บรรจุภัณฑ์และการติดฉลากของคุณเป็นไปตามมาตรฐาน แต่สุดท้ายความรับผิดชอบทั้งหมดก็ยังอยู่ที่เจ้าของแบรนด์
“ไม่มีใครมาตรวจสอบแทนคุณหรอก” เมแกนกล่าว “คุณต้องรับผิดชอบเอง และมั่นใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายฉลากของ FDA อย่างถูกต้อง”
หรือทางเลือกที่ดียิ่งกว่านั้น คือการปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอางโดยตรง

ความเสถียรและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สกินแคร์
แม้ว่าคุณจะสามารถทดลองทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์จากที่บ้านได้ แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญ
“ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณมีน้ำเป็นส่วนผสม” เมแกนกล่าว “คุณอาจกำลังทำให้ลูกค้าเสี่ยงอันตรายอย่างมากโดยไม่รู้ตัว”
Genie Supply และแล็บมืออาชีพอื่นๆ จะนำส่วนผสมและสูตรผลิตภัณฑ์ไปทดสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อยีสต์ เชื้อรา แบคทีเรีย หรือสิ่งปนเปื้อนระหว่างการเก็บรักษาและระยะเวลาการใช้งาน
“เรายังตรวจสอบระดับจุลินทรีย์และเชื้อโรคไวรัสด้วย” เมแกนเสริม
“ถ้าคุณจะทำสูตรที่มีน้ำ อย่าเสี่ยง เลือกทำงานร่วมกับแล็บจะปลอดภัยกว่า”
ใบอนุญาตทางธุรกิจสำหรับแบรนด์สกินแคร์
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ คุณไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อขายเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ทำเองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม FDA (องค์การอาหารและยา) ของสหรัฐฯ ควบคุมอุตสาหกรรมนี้อย่างเข้มงวด และกำหนดให้คุณต้องขออนุมัติหากมีการใช้ส่วนผสมบางประเภท
กฎหมายที่เกี่ยวข้องอาจแตกต่างกันไปตามประเทศที่คุณผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด หรือขอคำแนะนำจากทนายความผู้เชี่ยวชาญ
📖 อ่านเพิ่มเติม
- ประกันธุรกิจอีคอมเมิร์ซเชิงพาณิชย์ เลือกแผนคุ้มครองที่เหมาะสมในราคาที่เอื้อมถึง
- 4 รูปแบบธุรกิจทั่วไป และวิธีเลือกโครงสร้างที่เหมาะกับคุณ
10. สร้างความเชื่อมั่นผ่านความโปร่งใสและคอนเทนต์
ลูกค้าในวงการบิวตี้มักเผชิญกับข้อมูลที่ขัดแย้งกันและตัวเลือกมากมายจนรู้สึกสับสน ส่งผลให้หลายคนกลายเป็นผู้บริโภคที่เลือกมากและตั้งข้อสงสัยโดยธรรมชาติ
ดังนั้น การสร้างความไว้วางใจคือกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ตามกฎหมาย Fair Packaging and Labeling Act ของสหรัฐฯ ทาง FDA กำหนดให้ผู้ผลิตต้องระบุส่วนผสมทุกชนิดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
เมแกนกล่าวว่านี่คือข้อเท็จจริงที่หลายแบรนด์สกินแคร์พยายามบิดเบือน
“ทำไมคุณถึงใส่น้ำผึ้ง โลหะ หรืออะไรแปลกๆ ลงไปในสูตร ทั้งที่มันไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ?” เมแกนตั้งคำถาม
“แบรนด์เหล่านั้นแค่พยายามทำให้ผู้บริโภคสับสนโดยตั้งใจ”
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ในครั้งนี้ เธอสร้างความไว้วางใจให้กับแบรนด์แรกของเธอด้วยการเปิดเผยส่วนผสมทั้งหมดอย่างโปร่งใส และยังคงใช้แนวทางเดียวกันนี้กับลูกค้ากลุ่ม B2B ในปัจจุบัน
การตลาดด้วยคอนเทนต์และการให้ความรู้ลูกค้า
การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งไม่ใช่แค่กลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้าใหม่เจอแบรนด์ของคุณ (ซึ่งเราจะพูดถึงในช่วงต่อไป) แต่ยังเป็นวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ผ่านการสร้างความน่าเชื่อถือ เมแกนใช้กลยุทธ์นี้เพื่อขยายทั้งธุรกิจและแบรนด์ส่วนตัวของเธอ โดยอาศัยกระแสรีวิวบิวตี้และคลิปแกะกล่องที่กำลังมาแรงในช่วงนั้น
กลยุทธ์นี้ทำให้เมแกนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ผู้คนเชื่อถือ เธออุทิศพื้นที่ส่วนใหญ่ในบล็อกของตัวเองให้กับการรีวิวผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่น ไม่ใช่แค่สินค้าของตัวเองเท่านั้น
ในช่วงที่พีกที่สุด เธอโพสต์บล็อกถึงสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ส่งผลให้ทราฟฟิกจากการค้นหาแบบออร์แกนิกพุ่งสูงขึ้น
เธอยังใช้คอนเทนต์เพื่อสร้างรายชื่ออีเมล โดยให้ดาวน์โหลดคู่มือความงามในรูปแบบไฟล์เพื่อดึงดูดผู้อ่านให้สมัครรับจดหมายข่าว
หลายแบรนด์ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ได้สำเร็จ ด้วยการสร้างบทความในบล็อกที่ให้คุณค่ากับผู้อ่าน รวมถึงหน้าแสดงสินค้าที่เต็มไปด้วยข้อมูล ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
รีวิวจากลูกค้า
รีวิวเชิงบวกเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าใหม่มั่นใจว่าสินค้าของคุณให้ผลลัพธ์ตามที่สัญญาไว้
ในตลาดที่เต็มไปด้วยตัวเลือกนับไม่ถ้วน ส่วนผสมที่ออกเสียงยาก และคำโฆษณาที่ดูเกินจริง ผู้บริโภคสกินแคร์จึงมักหันไปอ่านรีวิวออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ

📖 อ่านเพิ่มเติม
- ไอเดียการตลาดแบบออร์แกนิกสำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีงบจำกัด
- 9 วิธีสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า แม้คุณยังไม่มียอดขาย
- 15 ตัวอย่างบล็อกที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มต้น
11. ใช้จุดเด่นเฉพาะตัวของคุณให้เป็นพลังในการสร้างแบรนด์

การตลาดถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับของวิธีทำแบรนด์สกินแคร์และผู้ก่อตั้งธุรกิจมือใหม่หลายคน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสกินแคร์ที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เจ้าของแบรนด์จำเป็นต้องใส่ใจด้านนี้อย่างต่อเนื่อง
การมีสินค้าที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจสกินแคร์ คุณต้องให้ความสำคัญกับการนิยามกลุ่มเป้าหมายให้ชัด และเข้าใจความต้องการเฉพาะของพวกเขาอย่างแท้จริง
เมื่อรูปแบบการขายเครื่องสำอางแบบเดิมเริ่มลดความนิยมลง เช่น “แปะหน้าคนดังแล้วหวังว่าจะขายได้” ตามที่เมแกนกล่าวไว้ ก็ถึงเวลาที่แบรนด์เฉพาะกลุ่ม (niche brands) จะเฉิดฉาย
ผู้บริโภคในปัจจุบันมองหาแบรนด์ที่สามารถ “เชื่อมโยง” และ “รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง” ได้
ดังนั้น หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในด้านการตลาด การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและพูดกับเขาให้ตรงจุด คือหัวใจสำคัญของวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ในยุคนี้

Then I Met You
ไม่ว่าคุณจะเลือกผูกแบรนด์เข้ากับตัวตนของคุณหรือไม่ การเล่าเรื่องแบรนด์ (Brand Storytelling) ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณดู “มีชีวิต” และเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ให้ประสบความสำเร็จ คุณควรมีส่วนร่วมกับลูกค้าในคอมเมนต์และบทสนทนา ใช้คอนเทนต์ที่มีลูกค้าจริงหรืออินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นอย่างจริงจัง
Charlotte Cho ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Then I Met You คือหนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่น เธอถ่ายทอดประวัติครอบครัวและวัฒนธรรมเกาหลีเข้าไปในสูตรผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์
เธอยังเขียนหนังสือเพื่อแบ่งปันปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์อีกด้วย
ลูกค้าของ Charlotte ไม่ได้ซื้อสินค้าแค่เพราะคุณสมบัติเพื่อผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังซื้อเพราะ “เรื่องราว” ที่เธอเล่าผ่านแบรนด์อีกด้วย
ความโดดเด่นของแบรนด์สามารถสร้างได้หลายทาง เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แตกต่าง การมีเรื่องราวแบรนด์ที่น่าจดจำ งานออกแบบแบรนด์ หรือมีกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน
📖 อ่านเพิ่มเติม
- ข้อเสนอคุณค่า (Value Proposition) คืออะไร? พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ที่ทำสำเร็จ
- วิธีหา Niche ให้กับธุรกิจ + เคล็ดลับเลือกสินค้าที่ขายได้
- สร้างแบรนด์ให้คนจำได้ ด้วยงบไม่แพงและทำได้จริง
รู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ของเรา

เมแกนเริ่มต้นธุรกิจแรกของเธอเพราะต้องการแก้ปัญหาส่วนตัว หลังจากเธอมีปัญหากับขนตาธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นหลังจากการต่อขนตา ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูที่ใช้ได้จริงได้เลย
จากนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ที่ผันตัวมาเรียนธุรกิจ เธอจึงเริ่มลงมือวิจัยและพบช่องว่างในตลาด ก่อนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงขนตาของตัวเองขึ้นมา
ต่อมา เมแกนขยับขยายธุรกิจไปยังการผลิตในประเทศจีน เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นครึ่งปีเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับกระบวนการผลิต และบริหารธุรกิจจากทั้งฟาร์มของครอบครัวในรัฐอินเดียนา อพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในเซินเจิ้น ไปจนถึงระหว่างไฟลต์นับไม่ถ้วน
สิ่งที่ดึงดูดใจเมแกนที่สุดคือการแก้ปัญหาและความซับซ้อนทางวิทยาศาสตร์ของการดูแลผิว ซึ่งในที่สุดก็ทำให้เธอหันเหจากการตลาดแบบ DTC ที่เป็นรากฐานสำคัญของแบรนด์ Amalie
เธอจึงตัดสินใจขายแบรนด์ และทุ่มเทให้กับธุรกิจผลิตสินค้าเต็มเวลา
“เราพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ตลาดอเมริกามีความต้องการการผลิตบิวตี้สำหรับแบรนด์อินดี้เฉพาะกลุ่มสูงมาก”
Megan Cox
เมื่อเมแกนหันมาโฟกัสกับ Genie Supply อย่างเต็มตัว เธอและสามีซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งจึงตัดสินใจเปลี่ยนบริษัทจากเอเจนซี่ที่ปรึกษาในจีน มาเป็นห้องแล็บผลิตสินค้าในสหรัฐฯ แทน
การเติบโตของตลาดบิวตี้อินดี้พุ่งแรงในปี 2020 และกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ธุรกิจของทั้งคู่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน Genie Supply ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์กว่า 200 ราย
“ออเดอร์จากลูกค้าของเรามีแต่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ” เมแกนกล่าว
“เราพิสูจน์ได้แล้วจริงๆ ว่าตลาดในอเมริกาต้องการบริการผลิตสินค้าให้แบรนด์อินดี้เฉพาะกลุ่ม”
เสน่ห์ของการเริ่มต้นแบรนด์สกินแคร์
วงการความงามเป็นวงการที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและเต็มไปด้วยสิ่งให้เรียนรู้ แม้ว่าคุณอาจไม่มีทั้งประสบการณ์ด้านวิธีทำแบรนด์สกินแคร์ หรืองบประมาณมากเท่าบริษัทระดับโลก แต่คุณก็ไม่มีข้อจำกัดหรือภาระเดิมๆ ที่พวกเขาต้องแบกเช่นกัน
พยายามมองหาวิธีแก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการจากแบรนด์ใหญ่ และเข้าหาคอมมูนิตี้นั้นโดยตรงด้วยความจริงใจ และการสื่อสารแบบเป็นกันเอง
การเริ่มต้นแบรนด์สกินแคร์ของตัวเอง อาจเริ่มต้นได้ง่ายๆ แค่มีไอเดียใหม่ๆ และกล้าลงมือทำ
ภาพประกอบโดย Islenia Mil
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีทำแบรนด์สกินแคร์
เราจะเริ่มทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ขายเองได้ยังไง?
หากคุณเพิ่งเริ่มต้น คุณสามารถทดลองสูตรพื้นฐานได้เองจากที่บ้าน เพื่อเรียนรู้เรื่องสี เนื้อสัมผัส และกลิ่นของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสูตรที่ไม่มีน้ำ อย่างเช่นออยล์บำรุงผิว แต่หากสูตรมีน้ำหรือเป็นอีมัลชั่น ควรทำร่วมกับโรงงานผลิตเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
วิธีทำแบรนด์สกินแคร์ ใช้ต้นทุนเริ่มต้นเท่าไหร่?
ต้นทุนขึ้นอยู่กับวิธีการผลิต ถ้าคุณทำจากที่บ้าน อาจใช้งบเบื้องต้นกับวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของธุรกิจ หากคุณวางแผนร่วมงานกับโรงงานผลิต ควรเตรียมงบเผื่อไว้มากขึ้น เนื่องจากโรงงานมักมีจำนวนสั่งขั้นต่ำ (MOQ) และอาจมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสูตรสินค้า
จะเริ่มทำแบรนด์สกินแคร์แบบ Private Label ได้อย่างไร?
การทำแบรนด์แบบ Private labeling และ white labeling เหมาะมากสำหรับมือใหม่ โดย White Label คือการซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากโรงงาน แล้วใส่แบรนด์ของคุณเอง ส่วน Private Label จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถปรับสูตรหรือบรรจุภัณฑ์บางส่วนให้แตกต่างตามความต้องการได้โดยยังอยู่ในขอบเขตของโรงงาน
ทั้งสองวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็สามารถเริ่มต้นได้
จะหาโรงงานผลิตสกินแคร์ได้จากไหน?
สามารถค้นหารายชื่อโรงงานผ่าน Google ได้ง่ายๆ โดยใช้คำค้นอย่าง “โรงงานผลิตครีม” หรือ “โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง” แต่ในวงการนี้ ควรคัดกรองให้ดี เช่น อ่านรีวิว ขอข้อมูลอ้างอิง หรือขอตัวอย่างผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจร่วมงาน