TikTok คือช่องทางที่ขาดไม่ได้ในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลปี 2025 ด้วยผู้ใช้งานกว่า 39% ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการหลังจากเห็นบน TikTok แพลตฟอร์มนี้ไม่ได้มีแค่มีมกับชาเลนจ์เต้นอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือสำหรับการค้นพบและช้อปปิ้งที่ทรงพลัง
ถ้าเป้าหมายของคุณคือการเชื่อมต่อกับกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha การลงทุนงบโฆษณาใน TikTok ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด คู่มือนี้จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีสร้างโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ ใช้งาน Ads Manager อย่างมือโปร และลงมือทำตามแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากงบโฆษณา (ROAS) ให้ได้มากที่สุด
โฆษณา TikTok คืออะไร?
โฆษณา TikTok คือเนื้อโฆษณา TikTok คือคอนเทนต์แบบชำระเงินที่แทรกอยู่ในฟีดวิดีโอสั้นของผู้ใช้ได้อย่างแนบเนียน โฆษณาเหล่านี้มีหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอ in-feed, แฮชแท็กชาเลนจ์แบบมีแบรนด์ หรือเอฟเฟกต์ที่ได้รับการสนับสนุน
แบรนด์ที่ลงโฆษณาบน TikTok สามารถเลือกกำหนดเป้าหมายได้ตามกลุ่มประชากร ความสนใจ และพฤติกรรม เพื่อเข้าถึงกลุ่มที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ โฆษณา TikTok ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีส่วนร่วมกับผู้ใช้งานจำนวนมากของแพลตฟอร์ม สร้างการรับรู้ ความผูกพัน และยอดขายให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบรนด์แบบไหนควรใช้โฆษณา TikTok?
หากแบรนด์ของคุณขายสินค้า หรือบริการที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหรือกลุ่มที่ตามเทรนด์อยู่เสมอ โฆษณา TikTok สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้อย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์อีคอมเมิร์ซ เพราะ TikTok มีฟีเจอร์ TikTok Shopping ที่เปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าได้จริง — ปัจจุบันมีวิดีโอกว่า 8.4 ล้านคลิปภายใต้แฮชแท็ก #TikTokMadeMeBuyIt
ใครสามารถลงโฆษณาบน TikTok ได้บ้าง?
ในการลงโฆษณาบน TikTok คุณต้องสร้างบัญชี TikTok Ads Manager ก่อน จากนั้นจะต้องปฏิบัติตามนโยบายโฆษณาและแนวทางของชุมชนที่แพลตฟอร์มกำหนดไว้
การโฆษณาบน TikTok เปิดให้ใช้งานในหลายสิบประเทศทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในบางพื้นที่ เช่น
-
อินเดีย: ปัจจุบัน TikTok ถูกแบนจากการใช้งานในอินเดียตามข้อกำหนดของรัฐบาล
-
สหรัฐอเมริกา: องค์การอาหารและยา (FDA) มีกฎเข้มงวดเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ผู้ลงโฆษณาต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิดีโอของตนสอดคล้องกับข้อบังคับเหล่านี้
-
สหราชอาณาจักร: หน่วยงานมาตรฐานการโฆษณา (ASA) มีกฎสำหรับการโฆษณาสินค้าที่จำกัดอายุ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการพนัน แบรนด์ต้องกำหนดเป้าหมายอย่างเหมาะสมและใส่คำเตือนที่จำเป็น
-
สหภาพยุโรป (EU): มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง GDPR ผู้ลงโฆษณาต้องปฏิบัติตามเมื่อกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศ EU
- ออสเตรเลีย: มีข้อห้ามไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าถึงโซเชียลมีเดีย ผู้ลงโฆษณาต้องมีระบบยืนยันอายุที่รัดกุม และอาจถูกปรับเป็นจำนวนมากหากฝ่าฝืน
ข้อดีของการโฆษณาบน TikTok มีอะไรบ้าง?
- ฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่และมีส่วนร่วมสูง
- รูปแบบโฆษณาที่สร้างสรรค์และมีการโต้ตอบ
- ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ
- ระบบวิเคราะห์และรายงานผลที่ละเอียด
ข้อดีของการโฆษณาบน TikTok ได้แก่
ฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่และมีส่วนร่วมสูง
TikTok กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกมากกว่า 1.5 พันล้านคน (ข้อมูล ณ กุมภาพันธ์ 2025)
สถิติ TikTok แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานมีการมีส่วนร่วมสูง โดยใช้เวลาเฉลี่ยเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อวันบนแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่ให้ความสนใจจริง อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้ TikTok ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงาน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่ม Millennials, Gen Z และ Gen Alpha
รูปแบบโฆษณาที่สร้างสรรค์และมีการโต้ตอบ
แพลตฟอร์มโฆษณาของ TikTok มีรูปแบบที่สร้างสรรค์และมีการโต้ตอบหลายประเภท เช่น โฆษณาวิดีโอแบบ Shopping Ads ที่ช่วยให้แบรนด์อีคอมเมิร์ซนำเสนอสินค้าแบบเห็นภาพการใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมี Branded Hashtag Challenges ที่ชวนให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วม ช่วยให้แบรนด์สร้างคอนเทนต์ไวรัลและเพิ่มการรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ
ระบบกำหนดเป้าหมายของ TikTok ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถเลือกได้ตามข้อมูลประชากร ความสนใจ พฤติกรรม ประเภทอุปกรณ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณยังสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบ Custom Audience ได้จากการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่เคยโต้ตอบกับคอนเทนต์หรือแฮชแท็กที่ใกล้เคียงกัน เช่น หากคุณเป็นแบรนด์อีคอมเมิร์ซที่ขายผลิตภัณฑ์ความงามแบบรักษ์โลก ก็สามารถใช้โฆษณา TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มที่สนใจเรื่องไลฟ์สไตล์ยั่งยืน ความงามแบบคลีน และการดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุด
ระบบวิเคราะห์และรายงานผลที่ละเอียด
TikTok มีระบบจัดการงบประมาณที่ยืดหยุ่น เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด คุณสามารถตั้งงบประมาณรายวันหรือแบบรวมสำหรับกลุ่มโฆษณา และเลือกกลยุทธ์การประมูลที่ตรงกับเป้าหมายของแคมเปญได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ยังมีระบบวิเคราะห์และรายงานผลอย่างละเอียด ช่วยให้คุณติดตามและวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ
โฆษณา TikTok มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายของโฆษณา TikTok ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
- รูปแบบโฆษณา: โฆษณาแต่ละประเภท เช่น in-feed ads, brand takeovers และ branded hashtag challenges มีค่าใช้จ่ายที่ต่างกันตามตำแหน่งแสดงผลและระดับการมองเห็น
- การกำหนดเป้าหมาย: ยิ่งคุณตั้งเป้าหมายผู้ชมเฉพาะกลุ่มมากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงกลุ่มนั้นก็จะสูงขึ้นตาม
- กลยุทธ์การประมูล: TikTok ใช้ระบบการประมูล โดยผู้ลงโฆษณาเสนอราคาแข่งกันเพื่อให้โฆษณาได้แสดง กลยุทธ์ที่ใช้ เช่น การจ่ายต่อคลิก (CPC) หรือการจ่ายต่อ 1,000 การแสดงผล (CPM) จะมีผลต่อราคาด้วย
- การแข่งขัน: หากอุตสาหกรรมหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณมีการแข่งขันสูง ค่าโฆษณาก็จะสูงขึ้นตามเช่นกัน หากมีหลายแบรนด์ต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเดียวกัน ควรเตรียมงบให้เพียงพอ
ความเป็นจริงของค่าโฆษณา TikTok
แม้ว่า TikTok จะเข้าถึงผู้ชมได้จำนวนมากและมีฟอร์แมตคอนเทนต์ที่น่าสนใจสำหรับการทำโฆษณา แต่ก็ไม่ใช่ทางลัดสำเร็จรูปสำหรับนักการตลาดเสมอไป
ในความเป็นจริง โฆษณา TikTok อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะถ้าคุณยังไม่ได้เตรียมงบสำหรับการผลิตครีเอทีฟ การทดสอบ และการปรับแคมเปญอย่างเหมาะสม
ข้อกำหนดงบประมาณขั้นต่ำ
ในเชิงเทคนิค TikTok อนุญาตให้เริ่มแคมเปญด้วยงบรายวันขั้นต่ำประมาณ 1,800 บาทต่อวัน ในระดับแคมเปญ และประมาณ 720 บาทต่อกลุ่มโฆษณา
แต่ในทางปฏิบัติ หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ควรมีงบอย่างน้อย 36,000 ถึง 108,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้สามารถทดสอบครีเอทีฟ กลุ่มเป้าหมาย และข้อเสนอที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ งบระดับนี้จะช่วยให้คุณเก็บข้อมูลที่มีค่า คัดแคมเปญที่ไม่เวิร์กออก และปรับแต่งให้เหลือแคมเปญที่ได้ผล
หากคุณกำลังเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือสร้างแบรนด์จากศูนย์ ควรเตรียมงบไว้สูงกว่านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่แข่งขันสูง เช่น สินค้าความงามหรือแฟชั่น งบที่แนะนำคือประมาณ 180,000 ถึง 360,000 บาทต่อเดือน
สรุปคือ แม้คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณราว 720 บาทต่อวัน แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือผลลัพธ์ที่คุ้มทุนและทำกำไรได้จริง คุณควรวางแผนทั้งเวลาและงบไว้สำหรับการทดสอบอย่างเพียงพอ
ค่า ROAS ที่คาดหวังตามกลุ่มอุตสาหกรรม
ผลตอบแทนจากงบโฆษณา (ROAS) บน TikTok ขึ้นอยู่กับคุณภาพของครีเอทีฟ การกำหนดเป้าหมาย ราคา และข้อเสนอของสินค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูค่าเฉลี่ยในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นแนวทางได้
ประมาณการค่า ROAS โดยเฉลี่ยมีดังนี้
- ความงามและดูแลผิว: 0.91
อย่าลืมว่าตัวเลขเหล่านี้คือค่าเฉลี่ย หลายแบรนด์อาจยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนในช่วงเดือนแรกหรือสองเดือนของการทดสอบ แต่ถ้ามีการพัฒนาครีเอทีฟอย่างต่อเนื่อง และมีระบบ backend ที่ดี เช่น การเก็บและเปลี่ยนทราฟฟิกเป็นยอดขายผ่านอีเมลหรือ SMS ตัวเลขเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้จริง
ต้นทุนแฝงที่ควรรู้
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดของผู้ที่เริ่มลงโฆษณา TikTok คือการตั้งงบไว้แค่สำหรับการซื้อสื่อเท่านั้น หากต้องการให้แคมเปญได้ผลดีจริง ๆ คุณควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย
- ต้นทุนการผลิตคอนเทนต์: TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์เป็นอันดับแรก คุณควรเตรียมงบไว้สำหรับการจ้างนักสร้างวิดีโอ เครื่องมือสำหรับตัดต่อ หรือทีมคอนเทนต์ภายในองค์กร
- ค่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์: การร่วมงานกับครีเอเตอร์บน TikTok (แม้แต่ระดับไมโคร) เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มการมีส่วนร่วม แต่ก็มีค่าใช้จ่าย โดยเรทราคาจะแตกต่างกันไป แต่ควรเตรียมงบไว้ขั้นต่ำราว 5,400 ถึง 36,000 บาทต่อวิดีโอ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตามและสิ่งที่ครีเอเตอร์จะส่งมอบ
- การทดสอบและปรับแต่งโฆษณา: คุณจะต้องทดสอบหลายองค์ประกอบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำเปิด การกระตุ้นให้คลิก (CTA) มุมการนำเสนอ กลุ่มเป้าหมาย และข้อเสนอที่ใช้ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องสร้างคอนเทนต์ใหม่เป็นประจำ ซึ่งอาจสะสมต้นทุนได้รวดเร็ว
- งบสำหรับรีมาร์เก็ตติ้ง: TikTok เหมาะกับการดึงดูดผู้ชมใหม่ในช่วงต้นของกระบวนการขาย (top-of-funnel) แต่คุณมักจะต้องใช้การรีมาร์เก็ตติ้งผ่านอีเมล, SMS หรือโฆษณารีทาร์เก็ตบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Meta, Klaviyo หรือ Google เพื่อปิดการขาย ซึ่งหมายถึงต้นทุนเพิ่มเติมนอกเหนือจาก TikTok
โดยรวมแล้ว งบโฆษณาบน TikTok อาจคิดเป็นเพียง 50% ถึง 60% ของต้นทุนรวมในการได้มาซึ่งลูกค้าผ่าน TikTok เท่านั้น อย่าลืมวางแผนงบประมาณให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการ ไม่ใช่แค่ค่าโฆษณาอย่างเดียว
ประเภทโฆษณา TikTok
เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและเข้าใจวิธีใช้โฆษณา TikTok ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของแบรนด์มากขึ้น คุณสามารถทดลองใช้รูปแบบโฆษณาเหล่านี้ได้
In-feed
โฆษณาแบบ In-feed จะปรากฏในฟีดคอนเทนต์ของผู้ใช้แบบแนบเนียน คล้ายกับวิดีโอทั่วไปบน TikTok โดยอาจมาในรูปแบบวิดีโอหรือคารูเซล ความยาวสูงสุด 60 วินาที พร้อมปุ่มเชิญชวนให้คลิก (CTA) ที่ลิงก์ไปยังหน้าแลนดิ้งเพจหรือแอปสโตร์
โฆษณารูปแบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มการมีส่วนร่วม ดึงทราฟฟิกเข้าสู่เว็บไซต์ และเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขาย เนื่องจากกลมกลืนกับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ และสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำ
TopView
TopView เป็นรูปแบบโฆษณาพรีเมียมที่แสดงผลแบบเต็มหน้าจอ และเป็นวิดีโอแรกที่ผู้ใช้เห็นทันทีเมื่อเปิดแอป TikTok โดยเริ่มต้นด้วยวิดีโอ takeover ความยาว 3 วินาที ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นวิดีโอแบบ In-feed ที่มีลูกเล่นโต้ตอบ เช่น คอมเมนต์ แชร์ หรือคลิกไปที่โปรไฟล์ของแบรนด์
รูปแบบนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการจดจำและการมองเห็นของแบรนด์ให้สูงสุด เหมาะสำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ โปรโมตกิจกรรมพิเศษ หรือสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้ชมในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม โฆษณา TopView จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโฆษณารูปแบบอื่น ๆ
Branded hashtag challenge
โฆษณา Branded Mission ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างแฮชแท็กเฉพาะกิจ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์ของตัวเอง (UGC) และเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อผู้ใช้คลิกที่แฮชแทกแบบสปอนเซอร์ จะถูกนำไปยังหน้าแลนดิ้งเพจที่รวมวิดีโอจากแบรนด์และคอนเทนต์จากผู้ใช้ไว้ด้วยกัน
หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรร่วมมือกับครีเอเตอร์ที่สามารถเข้าร่วมแคมเปญ Branded hashtag challenge ของคุณ และชวนให้ผู้ติดตามของพวกเขาเข้าร่วมด้วย โฆษณารูปแบบนี้เหมาะสำหรับการสร้างการมีส่วนร่วม สร้างปฏิสัมพันธ์ในชุมชน และเพิ่มการรับรู้แบรนด์ผ่านชาเลนจ์หรือเทรนด์ที่กลายเป็นไวรัล
Branded effects
โฆษณาแบบ Branded effects ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างฟิลเตอร์ เลนส์ หรือสติกเกอร์แบบกำหนดเอง ที่ผู้ใช้นำไปใช้กับวิดีโอ TikTok ของตนเองได้ โฆษณาแบบนี้สามารถโปรโมตผ่านโฆษณารูปแบบอื่น เช่น in-feed ads หรือ Branded hashtag challenge ads เพื่อเพิ่มการมองเห็นและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น แบรนด์เครื่องสำอางอาจสร้างเอฟเฟกต์ที่ให้ผู้ใช้ทดลองสีลิปสติกแบบเสมือนจริงผ่าน AR และแชร์ลุคโปรดของตนเอง ด้วยการให้เครื่องมือสร้างสรรค์ในมือผู้ใช้ แบรนด์จะสามารถดึงจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่เน้นการมีส่วนร่วมมาใช้ และสร้างความผูกพันกับผู้ชมได้มากขึ้น
Spark
โฆษณา Spark ช่วยให้แบรนด์สามารถโปรโมตคอนเทนต์ที่โพสต์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากบัญชีของแบรนด์เอง หรือจากผู้ใช้คนอื่นที่ให้สิทธิ์ในการโปรโมตวิดีโอของพวกเขา โดยการบูสต์คอนเทนต์ที่มียอดตอบรับสูง แบรนด์สามารถใช้ความน่าเชื่อถือและธรรมชาติของคอนเทนต์จากผู้ใช้ (UGC) ร่วมกับการควบคุมข้อความโฆษณาและการกำหนดเป้าหมายได้ในเวลาเดียวกัน
เช่น อินฟลูเอนเซอร์สายฟิตเนสอาจโพสต์วิดีโอออกกำลังกายที่กำลังเป็นไวรัล ซึ่งมีการโชว์กางเกงโยคะจากแบรนด์หนึ่ง แบรนด์นั้นก็สามารถขอสิทธิ์เพื่อนำวิดีโอนั้นมาโปรโมตเป็น Spark ad และขยายการเข้าถึงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
โฆษณา Spark จะแสดงผลในรูปแบบ in-feed และสามารถดึงทราฟฟิกไปยังหน้าโปรไฟล์ TikTok ของแบรนด์ เว็บไซต์ หรือแอปสโตร์ได้โดยตรง รูปแบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่ต้องการโชว์ประสบการณ์จากผู้ใช้จริง สร้างความน่าเชื่อถือ และผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น
Ecommerce
โฆษณาอีคอมเมิร์ซบน TikTok ช่วยกระตุ้นให้เกิดการค้นพบสินค้าและปิดการขายได้โดยตรงบนแพลตฟอร์ม มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ลื่นไหลไม่สะดุด โดยมีรูปแบบโฆษณาอีคอมเมิร์ซให้เลือกหลายประเภท:
-
วิดีโอช้อปปิ้ง (Video shopping): โฆษณาวิดีโอช้อปปิ้งจะแสดงสินค้าระหว่างการใช้งานจริง พร้อมแท็กสินค้า คำอธิบาย และราคาชัดเจน ผู้ใช้สามารถกดซื้อได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่คลิก
-
วิดีโอช้อปปิ้งผ่าน TikTok Shop: โฆษณาวิดีโอช้อปปิ้งที่เชื่อมต่อกับ TikTok Shop จะผสานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ TikTok อย่างเต็มรูปแบบ แบรนด์สามารถนำเสนอวิดีโอที่ซื้อสินค้าได้โดยตรง พร้อมแค็ตตาล็อกสินค้า รีวิวจากลูกค้า และระบบเช็กเอาต์ที่ใช้งานง่าย
- ไลฟ์สดช้อปปิ้ง (LIVE shopping): โฆษณาแบบ LIVE shopping คือการไลฟ์สดแบบเรียลไทม์ที่แบรนด์สามารถโชว์สินค้า ตอบคำถาม และพูดคุยกับผู้ชมได้แบบโต้ตอบทันที
สเปคโฆษณาบน TikTok
TikTok Ads Manager รองรับทั้งรูปแบบโฆษณาภาพนิ่งและวิดีโอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สเปควิดีโอโฆษณา
สเปคของวิดีโอโฆษณาอาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่แสดง แต่โดยทั่วไปจะต้องมีวิดีโอครีเอทีฟ, ภาพแสดงโฆษณา, ชื่อแบรนด์หรือแอป, คำอธิบายโฆษณา และปุ่มเชิญชวนให้คลิก
รายละเอียดสเปคหลักของวิดีโอโฆษณา TikTok ได้แก่
- อัตราส่วนวิดีโอ: 9:16, 1:1 หรือ 16:9
- ความละเอียดวิดีโอ: อย่างน้อย 540 x 960 พิกเซล, 640 x 640 พิกเซล หรือ 960 x 540 พิกเซล
- ประเภทไฟล์: .mp4, .mov, .mpeg, .3gp หรือ .avi
- ความยาววิดีโอ: 5 ถึง 60 วินาที (แนะนำ 9 ถึง 15 วินาที)
- บิทเรต: มากกว่า 516 kbps
- ขนาดไฟล์: ไม่เกิน 500MB
สเปคภาพนิ่งโฆษณา
สเปคของภาพโฆษณาอาจแตกต่างกันตามตำแหน่งแสดงผล โดยทั่วไปจะต้องมีภาพครีเอทีฟ, ชื่อแบรนด์หรือแอป, คำอธิบายโฆษณา และปุ่มเชิญชวนให้คลิก
รายละเอียดสเปคหลักของภาพนิ่งโฆษณา TikTok ได้แก่
- ประเภทไฟล์: JPG, JPEG, PNG
- ความละเอียดภาพ 720 x 1280 พิกเซล (Global App Bundle) และ 1200 x 628 / 640 x 960 / 720 x 1280 พิกเซล (Pangle)
- ขนาดไฟล์: ไม่เกิน 100MB
คำแนะนำจาก TikTok เพิ่มเติม
- ควรวางองค์ประกอบสำคัญของครีเอทีฟให้อยู่บริเวณกึ่งกลางของหน้าจอ เพื่อป้องกันการถูกบังหรือถูกครอบตัด
- ควรปรับเนื้อหาโฆษณาให้เหมาะกับแต่ละท้องถิ่น และใช้ภาษาท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เปรียบเทียบโฆษณา TikTok กับแพลตฟอร์มอื่น
การตัดสินใจว่าจะลงทุนโฆษณาอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มใด ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ การจับพฤติกรรมที่มีแนวโน้มซื้อ หรือการดึงผู้ที่เคยเยี่ยมชมกลับมาอีกครั้ง ลองดูว่า TikTok เปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Google และ Pinterest อย่างไร
เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
ด้านล่างคือภาพรวมของค่าเฉลี่ย CPM (ต้นทุนต่อ 1,000 การแสดงผล) และ CPC (ต้นทุนต่อคลิก) บนแต่ละแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์ม |
CPM (บาท) |
CPC (บาท) |
TikTok |
115 บาท |
0.70–72 บาท |
Meta |
390 บาท |
61 บาท |
|
666 บาท |
38 บาท |
อัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขาย
อัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขายขึ้นอยู่กับคุณภาพของครีเอทีฟ ขั้นตอนของลูกค้าในกระบวนการตัดสินใจ (funnel stage) และความเหมาะสมของสินค้ากับผู้ชมอย่างมาก โดยค่าเฉลี่ยของแต่ละแพลตฟอร์มมีดังนี้
แพลตฟอร์ม |
ค่าเฉลี่ยอัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขาย |
TikTok |
0.5%–5% (เฉลี่ยประมาณ 0.46%) |
Meta |
ประมาณ 9.21% |
|
ประมาณ 7.52% |
วิธีสร้างโฆษณา TikTok แรกของคุณใน 7 ขั้นตอน
- สร้างบัญชีธุรกิจ
- เชื่อมต่อ TikTok เข้ากับร้าน Shopify ของคุณ
- เปิด TikTok Ads Manager
- ตั้งค่าเป้าหมายของโฆษณา
- เลือกกลุ่มเป้าหมาย
- ตั้งค่างบประมาณและระยะเวลาแคมเปญ
- สร้างโฆษณาแล้วปล่อยแคมเปญ
อยากเริ่มยิงแอดบน TikTok ให้ร้านเล็ก ๆ ของคุณใช่มั้ย?
บน TikTok Ads Manager คุณสามารถสร้างแคมเปญได้ 2 แบบ คือแบบง่ายและแบบปรับแต่งเอง หากคุณเป็นแบรนด์ใหญ่ มีทีมพร้อม และต้องการควบคุมทุกจุด แบบปรับแต่งเองจะให้ตัวเลือกหลากหลาย ทั้งการสร้างกลุ่มโฆษณา การตั้งค่าประมูล และการจัดการเป้าหมายอย่างละเอียด แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้น หรือมีธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ระบบแบบง่ายจะช่วยให้คุณลงแคมเปญได้แบบไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีพื้นฐานเทคนิคก็ใช้งานได้ทันที และที่สำคัญคือใช้เวลาไม่นานก็เริ่มขายได้เลย
1. สร้างบัญชีธุรกิจ
ไม่ว่าใครจะสอนใช้ TikTok Ads Manager ก็มักเริ่มต้นด้วยการมีบัญชีธุรกิจบนแพลตฟอร์มก่อน การเปลี่ยนจากบัญชีส่วนตัวมาเป็นบัญชีธุรกิจทั้งฟรีและทำได้ง่ายมาก
ในแอป TikTok ให้เข้าไปที่ การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว > จัดการบัญชี > เปลี่ยนเป็นบัญชีธุรกิจ เมื่อใช้ TikTok ในโหมดธุรกิจ คุณจะเข้าถึงฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูล เช่น ช่วงเวลาที่เหมาะกับการโพสต์ รวมถึงลูกเล่นอื่น ๆ อย่างการใส่ลิงก์ใน bio ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องมีบัญชีที่ได้รับการยืนยัน (Verified) ก็สามารถยิงแอดได้
2. เชื่อม TikTok เข้ากับร้าน Shopify ของคุณ
หากคุณมีร้านค้าอยู่บน Shopify ให้ติดตั้งแอป TikTok เพิ่มเข้าไปในระบบ ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างโฆษณาอัตโนมัติได้หลากหลายรูปแบบ และหากร้านคุณอยู่ในประเทศที่รองรับ ยังสามารถเปิดแท็บ Shopping บนหน้าโปรไฟล์ TikTok ได้โดยตรง
3. เปิด TikTok Ads Manager
แม้ว่าแอป TikTok จะออกแบบมาสำหรับใช้งานบนมือถือ แต่การจัดการบัญชีโฆษณาจะสะดวกกว่าหากทำบนคอมพิวเตอร์ เข้าไปที่ ads.tiktok.com แล้วล็อกอินด้วยบัญชีธุรกิจของคุณ
4. ตั้งเป้าหมายของโฆษณา
เมื่อคุณเลือกใช้โหมด Simplified Mode ใน TikTok Ads Manager ระบบจะให้คุณเลือกวัตถุประสงค์หลักของแคมเปญจาก 4 ตัวเลือกต่อไปนี้
-
เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม: เหมาะสำหรับการดึงผู้สนใจเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ
-
สร้างการมีส่วนร่วมกับคอมมูนิตี้: ใช้สร้างฐานผู้ติดตามและขยายการรับรู้แบรนด์บน TikTok
-
เพิ่มโอกาสในการเก็บข้อมูลลูกค้า: เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลผู้ชมผ่านแบบฟอร์ม เพื่อใช้สำหรับรีมาร์เก็ตติ้งหรือดูแลกลุ่มลูกค้าเดิม
-
เพิ่มยอดขายบนเว็บไซต์: มุ่งให้เกิดแอ็คชั่นบางอย่างบนเว็บไซต์ เช่น กดซื้อสินค้า ไม่ใช่แค่เข้ามาเยี่ยมชม
- กระตุ้นการติดตั้งแอป: เหมาะสำหรับธุรกิจที่อยากให้ผู้ชมเข้าไปดาวน์โหลดแอปจากแอปสโตร์
5. เลือกกลุ่มเป้าหมาย
หน้าถัดไปใน TikTok Ads Manager จะให้คุณเลือกว่าต้องการให้ใครเห็นโฆษณาของคุณ โดยคุณสามารถเลือกใช้ “Automatic audience” เพื่อให้ระบบช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้อัตโนมัติ หรือจะกำหนดเองก็ทำได้ง่ายมาก
คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายตามเพศ ช่วงอายุ ภาษา และตำแหน่งที่อยู่ โดยด้านขวาบนของหน้าจอจะมีแถบแสดงขนาดของกลุ่มเป้าหมายให้ดูแบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ยังสามารถระบุความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น แฟชั่น ทำอาหาร หรือสัตว์เลี้ยง เช่น หากคุณขายกาแฟออนไลน์ ก็สามารถเลือก “กาแฟ” เป็นความสนใจหลัก หรือหากคุณขายสกินแคร์ ก็เลือก “ความงาม” ได้ คุณยังสามารถกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมโต้ตอบกับวิดีโอ TikTok เช่น การกดไลก์หรือคอมเมนต์
6. ตั้งงบประมาณและระยะเวลาแคมเปญ
ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งงบรายวัน โดยเริ่มขั้นต่ำที่ประมาณ 180 บาทต่อวัน หรือประมาณ 2,500 บาทตลอดระยะเวลาแคมเปญ
จากนั้นเลือกว่าจะให้แคมเปญรันนานแค่ไหน หากต้องการให้รันแบบไม่มีกำหนด สามารถเลือก “ไม่กำหนดวันสิ้นสุด (No end date)” ได้
7. สร้างโฆษณาแล้วปล่อยแคมเปญ
ถึงขั้นตอนสนุกของการสร้างโฆษณาบน TikTok แล้ว! ในหน้าถัดไป คุณสามารถเลือกวิดีโอที่เคยโพสต์ไว้แล้วมาใช้เป็นโฆษณาหรืออัปโหลดวิดีโอใหม่ที่ไม่แสดงบนฟีดหลักของ TikTok ก็ได้
ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถใส่แคปชันของโฆษณา พร้อมปุ่มเชิญชวนให้คลิก เช่น “ช้อปเลย” พร้อมแนบลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ และเมื่อกด “ส่ง” โฆษณาของคุณจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง
หากโฆษณาถูกระบบแจ้งเตือนหรือปฏิเสธ คุณจะได้รับการแจ้งผ่านกลุ่มโฆษณา (Ad Group) บนแพลตฟอร์ม TikTok Ads Manager อย่าลืมติดตามผลระหว่างที่โฆษณารันอยู่ เพื่อดูว่าอะไรได้ผลบ้าง และนำไปปรับใช้กับแคมเปญถัดไป
แนวทางสร้างโฆษณา TikTok ให้น่าสนใจ
- เริ่มด้วย “จุดดึงดูด” ที่น่าสนใจทันทีในช่วงแรก
- ใช้โทนภาพหรือสไตล์ที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติแบบ TikTok
- ใส่เสียงและแฮชแท็กที่กำลังเป็นเทรนด์
- ใช้คอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (UGC)
- ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์
- เสนอสิ่งที่จูงใจจริงจัง เช่น โปรเด็ดหรือข้อเสนอพิเศษ
แนวทางอื่น ๆ ที่ควรรู้ในการทำโฆษณาบน TikTok
เริ่มด้วย “ฮุก” ที่สะดุดสายตาทันที
Savannah Sanchez ผู้ก่อตั้งเอเจนซี่ The Social Savannah ซึ่งเชี่ยวชาญด้านครีเอทีฟบน Meta และ TikTok เป็นพาร์ตเนอร์อย่างเป็นทางการของ TikTok และเคยร่วมงานกับแบรนด์ดังอย่าง Topicals, ASICS, BYLT Basics และ BlendJet
Savannah แนะนำว่า “ต้องพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้คนหยุดเลื่อนหน้าจอในสองวินาทีแรก และไม่เลื่อนผ่านไปเฉย ๆ”
“เรามักบอกแบรนด์ให้โฟกัส 90% ไปที่การทำฮุกให้สะดุดตา และ 10% กับเนื้อหาอื่น ๆ ในโฆษณา เพราะช่วงสองวินาทีแรกนั้นสำคัญมากจริง ๆ”
เธอแนะนำให้ใช้เทรนด์หรือทรานซิชันต่าง ๆ ของ TikTok เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึงความสนใจได้ทันที และยังบอกว่า การพูดบางอย่างที่ “เกินความคาดหมาย” ภายในสองวินาทีแรก จะช่วยจับความสนใจของผู้ชมได้ดี หรืออีกทางหนึ่ง การใช้ภาพหรือไอเดียที่ “แปลกตา” หรือ “ดูแล้วรู้สึกพึงพอใจแบบแปลก ๆ” ก็เป็นวิธีที่ได้ผลในการทำให้โฆษณาโดดเด่นในฟีดของผู้ใช้
ใช้โทนคอนเทนต์แบบ TikTok จริง ๆ
หากอยากให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ TikTok อย่างแท้จริง ควรสร้างคอนเทนต์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนวิดีโอจากผู้ใช้ทั่วไป ไม่ใช่โฆษณาจากแบรนด์ ซึ่งหมายถึงการถ่ายวิดีโอแนวตั้งด้วยมือถือ แทนที่จะใช้โปรดักชันแบบมืออาชีพที่ดูห่างไกล
ลองใส่ฟอนต์ เสียง และเทคนิคตัดต่อยอดนิยมของ TikTok เข้าไปด้วย เพื่อให้โฆษณารู้สึกจริงและน่าสนใจมากขึ้น
Savannah บอกว่า “วิดีโอโฆษณาที่ยาวประมาณ 30 วินาทีมักจะได้ผลดีที่สุดบน TikTok และเรายังเห็นว่าโฆษณาที่ใช้ฟอนต์ของ TikTok ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน”
“มันควรดูเหมือนถ่ายจาก iPhone แล้วตัดต่อในแอป CapCut โดยใช้ฟอนต์ที่คนใน TikTok คุ้นเคย มันไม่ควรดูเหมือนออกมาจากสตูดิโอหรือโปรดักชันที่จัดเต็มเกินไป เพราะความรู้สึกเหมือนครีเอเตอร์ทำเองคือสิ่งสำคัญจริง ๆ”
ใช้เสียงและแฮชแท็กที่กำลังมาแรง
การใช้เสียงและแฮชแท็กที่กำลังเป็นกระแสใน TikTok คือหนึ่งในวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการเพิ่มการมองเห็นและสร้างการมีส่วนร่วม อัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอโดยเข้าไปดูหน้า For You และติดตามสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ใช้คอนเทนต์ที่คนดูสร้างเอง (UGC)
คอนเทนต์ที่คนดูสร้างเอง หรือ UGC (User-generated content) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือและความจริงใจให้กับโฆษณาของแบรนด์
Savannah กล่าวว่า “ผู้คนอยากซื้อจากคนที่รู้สึกว่าเข้าถึงได้ และดูจริงใจ พวกเขาไม่อยากดูโฆษณาทางทีวีหรือภาพนิ่งที่ใส่ข้อความขายของแบบแข็งๆ”
“TikTok คือแพลตฟอร์มที่เน้นฟีดแบ็กจากผู้ใช้จริงและการแชร์สินค้าที่ผู้คนชื่นชอบอย่างแท้จริง ดังนั้นโฆษณาของคุณควรดูไม่เหมือนโฆษณาเลยด้วยซ้ำ”
ลองกระตุ้นให้ลูกค้าสร้างวิดีโอ TikTok ที่มีสินค้าของคุณอยู่ในนั้น และอาจใช้แคมเปญ Branded Hashtag Challenge เพื่อสร้างกระแสคอนเทนต์ที่คุณสามารถนำมารีโพสต์หรือใช้ในแคมเปญได้
Savannah เสริมว่า “สิ่งหนึ่งที่เราพบว่าอยู่ในโฆษณาที่มีผลงานดีที่สุดคือคำรีวิวจากครีเอเตอร์ ซึ่งก็คือมีคนออกกล้องและพูดถึงสินค้าตรงๆ ว่าทำไมเขาถึงชอบ สูตรนี้เวิร์กเสมอ”
ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์
การทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์บน TikTok ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแคมเปญโฆษณา แต่สิ่งสำคัญคือการบาลานซ์ระหว่างการให้พื้นที่สร้างสรรค์กับการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ให้ชัดเจน
Savannah กล่าวไว้ว่า “หนึ่งในข้อผิดพลาดใหญ่ที่แบรนด์ทำเวลาทำงานกับครีเอเตอร์ก็คือ ไม่ได้ให้บรีฟที่ชัดเจนเลย เวลาเราทำงานกับครีเอเตอร์ เราจะส่งลิสต์รายละเอียดว่าเราต้องการภาพมุมไหน ต้องมีซีนแกะกล่องแบบไหน คำรีวิวแบบไหน”
“เรายังแนบตัวอย่างภาพหรือวิดีโอโฆษณาที่ดีให้เขาดูเป็นแนวทาง ว่าโฆษณาที่เวิร์กต้องหน้าตาแบบไหน ต้องมีแสงยังไง และควรพูดประมาณไหน”
คุณควรเตรียมบรีฟที่ชัดเจนสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ โดยระบุเป้าหมายของแคมเปญ ประเด็นหลักที่ต้องการสื่อ และข้อกำหนดที่ควรปฏิบัติตาม แม้จะเชื่อใจว่าอินฟลูเอนเซอร์รู้ว่าควรพูดอะไรกับกลุ่มผู้ติดตามของเขา แต่อย่าปล่อยให้เขาควบคุมทุกอย่าง 100% โดยไม่มีแนวทางเลย
Savannah สรุปว่า “แค่เพราะอินฟลูเอนเซอร์เก่งเรื่องสร้างคอนเทนต์ ไม่ได้แปลว่าเขาจะวางกลยุทธ์โฆษณาเก่งเสมอไป พวกเขาอาจพูดหน้ากล้องเก่ง สื่อสารเก่ง และจัดแสงดีเยี่ยมก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจว่าควรใส่ฮุกยังไง หรือควรพูดประเด็นไหนเพื่อให้เกิดยอดขายจริง ๆ”
เสนอโปรที่โดนใจ
ผู้ใช้ TikTok ซึ่งมักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มักให้ความสำคัญกับเรื่องราคามากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ การเสนอส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษในโฆษณา TikTok จึงเป็นวิธีดึงดูดความสนใจและกระตุ้นยอดขายได้ดี
“ถ้าอยากให้โฆษณามีอัตราคลิกสูง ลองใส่ข้อเสนอแรงๆ หรือดีลพิเศษแบบจำกัดเวลา” Savannah กล่าว “อย่างเช่นส่วนลด 15% ที่ใส่ไว้ในแคปชัน หรือพูดในสคริปต์ว่าโปรแรงกำลังจะหมดแล้ว ต้องรีบไปดูตอนนี้เลย ความเร่งด่วนบวกกับโปรคุ้มๆ นี่แหละที่ได้ผลใน TikTok เพราะผู้ใช้ที่นี่แคร์เรื่องราคามาก”
กลยุทธ์แบบนี้ยังช่วยเพิ่ม ROAS ได้ด้วย ลองทดสอบข้อเสนอที่ให้คุณค่ากับคนดู เช่น ทดลองใช้ฟรี หรือแถมของขวัญเมื่อซื้อสินค้า
แนวทางแก้ปัญหาเมื่อโฆษณา TikTok ไม่ผ่าน
แพลตฟอร์มโฆษณาของ TikTok ทรงพลัง แต่ก็มีรายละเอียดเยอะและต้องอาศัยการเรียนรู้ นี่คือตัวอย่างปัญหาทั่วไปและวิธีรับมือ
เหตุผลที่โฆษณามักไม่ผ่านอนุมัติ
-
เนื้อหาต้องห้ามหรือจำกัด: TikTok ไม่อนุญาตโฆษณาสินค้าบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่ ยาสูบ หรือยาลดน้ำหนัก และจำกัดบางประเภท เช่น อาหารเสริม การเงิน ฯลฯ แนะนำให้ตรวจเช็ค นโยบายโฆษณาของ TikTok ว่าเข้าข่ายหรือไม่
-
ถ้อยคำไม่เหมาะสมหรือทำให้เข้าใจผิด: คำพูดที่เกินจริง เช่น “ลด 10 กิโลใน 7 วัน” หรือใช้คำว่า “คุณ” ในลักษณะที่ทำให้รู้สึกโจมตี เช่น “คุณไม่มั่นใจในตัวเองใช่ไหม?” อาจทำให้โฆษณาถูกปฏิเสธ
-
คุณภาพวิดีโอต่ำหรือรูปแบบไม่ถูกต้อง: TikTok ต้องการวิดีโอแนวตั้งความคมชัดสูง (9:16) ถ้าใช้คลิปเบลอ หรือมีลายน้ำจาก Instagram หรือแพลตฟอร์มอื่น อาจถูกปฏิเสธได้
- หน้า Landing Page ไม่เหมาะสมหรือโหลดช้า: หากลิงก์โฆษณานำไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ช้า ไม่รองรับมือถือ หรือไม่ตรงกับสินค้าที่โฆษณาไว้ โฆษณาอาจไม่ผ่านการอนุมัติ
เหตุผลที่โฆษณาไม่เปลี่ยนเป็นยอดขาย
หากโฆษณาได้ยอดวิวและคลิกแต่ยังไม่มีคนซื้อ อาจมีบางจุดที่ต้องปรับตามด้านล่างนี้
- วิดีโอโฆษณาไม่ดึงดูดพอ: บน TikTok ทุกอย่างแข่งกันในไม่กี่วินาทีแรก ถ้าวิดีโอไม่สามารถดึงสายตาคนดูภายใน 3 วินาทีแรก พวกเขาก็จะเลื่อนผ่านไป ลองทดสอบคอนเทนต์แบบใหม่ เช่น ฮุกที่โดดเด่น เสียงยอดฮิต หรือวิดีโอแนว UGC ที่ดูเหมือนผู้ใช้ทั่วไปสร้างเอง
- ข้อเสนอไม่จูงใจพอ: ต่อให้วิดีโอดีแค่ไหน แต่ถ้าข้อเสนอไม่น่าสนใจ ก็ยากที่จะปิดการขาย ลองเช็กว่า ราคาของคุณสู้คู่แข่งได้หรือไม่? มีรีวิวจากลูกค้า แพ็กเกจแบบรวม หรือโปรจำกัดเวลาไหม? ทดสอบข้อเสนอแบบต่างๆ ด้วย A/B Testing เพื่อหาสิ่งที่ใช้ได้จริง
- การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายกว้างเกินไปหรือตีบเกินไป: หากโฆษณาเข้าถึงคนได้น้อยเกินไป อาจต้องผ่อนการกำหนดเป้าหมายให้กว้างขึ้น แต่ถ้าเข้าถึงได้มากแต่ไม่มีคลิกเลย ลองปรับให้แม่นยำขึ้น เช่น เจาะกลุ่มที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าอย่างแท้จริง ใช้เครื่องมือของ TikTok ช่วยให้ระบบอัลกอริธึมทำงานให้คุณ
- หน้า Landing Page ไม่ทำงาน: ถ้าคุณส่งคนไปยังหน้าสินค้าที่รก โหลดช้า หรือไม่มีปุ่มเชิญชวนให้คลิกที่ชัดเจน จะทำให้ยอดขายหลุดไปง่ายๆ ลองใช้ A/B Testing ทดสอบข้อความและดีไซน์ให้เรียบง่าย ชัดเจน และเหมาะกับการใช้งานบนมือถือ
เมื่อถึงเวลาปรับกลยุทธ์
บางครั้งก็ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด แล้วเริ่มใหม่ให้ถูกทาง
ถ้าอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ต่ำกว่า 0.5% แสดงว่าโฆษณาของคุณอาจไม่ดึงดูดพอ ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่หรือใช้ฮุกที่น่าสนใจกว่าเดิม แต่ถ้า CTR สูงแต่ยังไม่มีคนซื้อ แสดงว่าคุณอาจดึงดูดทราฟฟิกที่ไม่ตรงกลุ่ม ลองตรวจสอบหน้า Landing Page ใหม่ ทบทวนข้อเสนอ และทดสอบกลุ่มเป้าหมายที่ต่างออกไป
หาก ROAS ตํ่ากว่า 1 ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ทั้งที่ทดสอบวิดีโอไปแล้วมากกว่า 5 แบบ อาจถึงเวลาหยุดแคมเปญชั่วคราวแล้ววางแผนใหม่ และถ้า CPM สูงผิดปกติ (มากกว่า 500 บาท) อาจเป็นสัญญาณว่าโฆษณาไม่มีคุณภาพ ลองเริ่มต้นใหม่ด้วยวิดีโอที่สดใหม่ น่าสนใจ และมีความเป็น TikTok มากขึ้น
การปรับกลยุทธ์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกอย่าง ลองวิเคราะห์จุดอ่อนทีละจุด เช่น ครีเอทีฟ ข้อเสนอ กลุ่มเป้าหมาย หรือหน้าเว็บไซต์ แล้วทดสอบทีละอย่างเพื่อหาสิ่งที่ได้ผลจริง
ตัวอย่างโฆษณา TikTok ที่ทำได้ดี
Medik8
Medik8 แบรนด์ดูแลผิวจากอังกฤษที่มีพื้นฐานด้านผิวหนัง ร่วมมือกับครีเอเตอร์เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์สองตัว ได้แก่ Liquid Peptides และ Crystal Retinal 6 โดยใช้รูปแบบวิดีโอที่ผู้ชมคุ้นเคย นั่นคือสไตล์ “Get Ready With Me” ที่คนสร้างคอนเทนต์พูดกับกล้องอย่างเป็นกันเอง ทำให้วิดีโอรู้สึกเป็นธรรมชาติและเข้ากับบรรยากาศของ TikTok ได้เป็นอย่างดี
ครีเอเตอร์นำเสนอสินค้าอย่างชัดเจน พร้อมพูดถึงจุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์หลายข้อ และปิดท้ายด้วยการมอบส่วนลด 20% ให้กับผู้ชม
MVST
MVST แบรนด์กระเป๋าเดินทางระดับพรีเมียม เลือกนำเสนอรูปแบบโฆษณาที่แตกต่างโดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว โดยใช้การผสมผสานระหว่างวิดีโอ 2 สไตล์ที่คุ้นเคยบน TikTok ได้แก่ การแกะกล่องสินค้า (Unboxing) และ ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) ซึ่งเป็นวิดีโอที่เน้นเสียงเบาๆ หรือภาพเคลื่อนไหวที่ดูผ่อนคลาย เหมาะกับผู้ชมที่กำลังมองหาประสบการณ์ผ่อนคลายผ่านประสาทสัมผัส
วิดีโอนั้นเน้นไปที่ตัวสินค้าโดยตรง แสดงให้เห็นมือที่กำลังเปิดกระเป๋าเดินทาง หมุนล้อ และรูดซิปช่องเก็บของแต่ละส่วนอย่างชัดเจน
MERIT
MERIT แบรนด์เครื่องสำอางวีแกนที่ไม่ทดลองกับสัตว์ เริ่มต้นโฆษณาบน TikTok ด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ—ลูกค้าใหม่จะได้รับกระเป๋าซิกเนเจอร์พร้อมผลิตภัณฑ์หลายรายการฟรีเมื่อสั่งซื้อครั้งแรก โฆษณาจะแสดงให้เห็นแต่ละไอเท็มในเซ็ตอย่างละเอียด สร้างความตื่นเต้นให้กับข้อเสนอ และยังมาพร้อมเพลงฮิตที่หลายคนใน TikTok คุ้นหูอีกด้วย
ด้วยการปรับให้สอดคล้องกับเทรนด์บน TikTok ในปัจจุบัน MERIT จึงเพิ่มโอกาสที่โฆษณาจะโดนใจผู้ชมได้มากขึ้น
เริ่มโฆษณาบน TikTok ได้เลยวันนี้
ไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์ที่ขายสินค้าเมอร์ชบน TikTok หรือแบรนด์ที่กำลังมองหาช่องทางใหม่ในการเชื่อมต่อกับลูกค้า การโฆษณาบน TikTok สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากที่มีส่วนร่วมสูง และช่วยผลักดันการเติบโตให้กับธุรกิจได้จริง ด้วยรูปแบบโฆษณาที่สร้างสรรค์และตัวเลือกการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำของ TikTok คุณสามารถนำเสนอสินค้าของคุณได้อย่างน่าสนใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแท้จริง
หากคุณเป็นเจ้าของร้านบน Shopify ในประเทศไทย ตอนนี้คุณสามารถเริ่มต้นทำโฆษณาและขายสินค้าผ่าน TikTok ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยแอป TikTok บน Shopify ที่ช่วยเชื่อมต่อร้านของคุณกับแพลตฟอร์มยอดนิยมนี้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง TikTok Pixel อัตโนมัติ การสร้างแคมเปญโฆษณาอย่างรวดเร็ว หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้จริงบนแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโฆษณา TikTok
โฆษณาบน TikTok ยังคุ้มอยู่มั้ย?
คุ้มแน่นอน หากคุณต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้าง มีส่วนร่วมสูง และหลากหลาย TikTok ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมฟีเจอร์โฆษณาที่สร้างสรรค์และระบบกำหนดเป้าหมายที่ยืดหยุ่น แม้อัลกอริทึมของคอนเทนต์แบบออร์แกนิกจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็ยังสามารถใช้โฆษณาเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถลงโฆษณา TikTok ได้ทั่วโลกหรือไม่?
ได้ TikTok เปิดให้บริการในหลายสิบประเทศทั่วโลก และสามารถตั้งค่าโฆษณาให้แสดงในแต่ละภูมิภาคได้ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ศึกษาข้อกำหนดท้องถิ่น ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และภาษาก่อนสร้างแคมเปญในแต่ละตลาด
โฆษณา TikTok ควรมีความยาวแค่ไหน?
ความยาวที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับรูปแบบโฆษณาและวัตถุประสงค์ของแคมเปญ โดยทั่วไปโฆษณาที่สั้นจะให้ผลลัพธ์ดีกว่า สำหรับ In-Feed Ads สามารถมีความยาวได้ถึง 60 วินาที แต่แนะนำให้อยู่ในช่วง 15–30 วินาที เพื่อรักษาความสนใจของผู้ชม
โฆษณาบน TikTok มีข้อเสียอะไรบ้าง?
ข้อสังเกตบางประการคือ TikTok มีฐานผู้ใช้อายุน้อยเป็นหลัก ซึ่งอาจไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของทุกแบรนด์ อีกทั้งเนื้อหาที่ใช้ต้องสร้างสรรค์และมีความเป็นธรรมชาติในแบบของ TikTok ซึ่งอาจใช้เวลามากในการผลิตคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์แพลตฟอร์มนี้
เคล็ดลับในการทำให้แคมเปญ TikTok กลายเป็นไวรัลคืออะไร?
ความสำเร็จของแคมเปญ TikTok อยู่ที่การเข้าใจวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม พร้อมทั้งสร้างคอนเทนต์ที่สนุก เป็นธรรมชาติ และชวนมีส่วนร่วม โฆษณาที่ได้ผลมักเป็นคอนเทนต์ที่ดูจริงใจ มีพลังบวก และกระตุ้นให้ผู้ชมร่วมแชร์หรือสร้างคอนเทนต์ตาม
โฆษณาบน TikTok มีลักษณะยังไง?
โฆษณาของ TikTok จะแสดงในรูปแบบวิดีโอสั้นบนหน้า For You ของผู้ใช้งาน โดยอิงตามความสนใจและพฤติกรรม TikTok มีระบบกำหนดเป้าหมายที่สามารถเลือกตามกลุ่มเป้าหมาย พร้อมตัวเลือกให้ตั้งเป้าแคมเปญ เช่น เพิ่มทราฟฟิก ยอดขาย หรือการติดตั้งแอป ทั้งนี้ระบบจะแสดงโฆษณาโดยอาศัยพลังของครีเอทีฟผสานกับอัลกอริทึมในการกระจาย