ดรอปชิปปิ้งถือเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างกำไรได้ดีสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ ถึงแม้จะไม่ใช่ธุรกิจที่เริ่มได้ฟรีแบบ 100% แต่ต้นทุนเริ่มต้นค่อนข้างต่ำ ขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อน และความเสี่ยงก็น้อย เพราะคุณไม่ต้องสต็อกสินค้าเองหรือจัดการเรื่องการจัดส่ง
การหาไอเดียดรอปชิปปิ้ง เริ่มต้นง่าย ๆ แค่เลือกสินค้าที่อยากขาย แต่เมื่อมีสินค้าน่าสนใจให้เลือกมากมายขนาดนี้...จะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าไหนเหมาะกับคุณที่สุด?
วิธีหาไอเดียดรอปชิปปิ้ง
TikTok
TikTok กลายเป็นหนึ่งในช่องทางช้อปปิ้งหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ที่มักเริ่มค้นหาสินค้าที่สนใจผ่านแอปนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้ TikTok เป็นแหล่งหาไอเดียดรอปชิปปิ้งที่มาแรงและน่าจับตามองสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์
ลองหาไอเดียดรอปชิปปิ้งครั้งต่อไปของคุณ ด้วยการสแกนแฮชแท็กใน TikTok อย่างเช่น #TikTokMadeMeBuyIt เพื่อดูว่าสินค้าแบบไหนกำลังได้รับความสนใจอยู่บ้าง นอกจากนี้ ลองติดตามผู้บริโภคในกลุ่มสินค้าที่คุณสนใจ และดูหน้า Exploreù เพื่อสำรวจสินค้าที่กำลังมาแรงในช่วงนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น “โคมไฟแสงอาทิตย์” ที่โด่งดังใน TikTok มีทั้งร้านค้าและครีเอเตอร์ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้านี้จนยอดวิวรวมพุ่งเกือบ 200 ล้านครั้ง คุณสามารถนำแนวคิดนี้ไปต่อยอด โดยหาสินค้าที่กำลังฮิตในลักษณะเดียวกันจากซัพพลายเออร์ดรอปชิป แล้วนำมาขายสร้างกำไร พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าที่พร้อมซื้อจากเทรนด์โซเชียลทันที
สินค้าขายดีในมาร์เก็ตเพลส
แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ขายสินค้าหลายล้านรายการจากแบรนด์นับพัน และจากข้อมูลล่าสุดในปี 2024 พบว่า มาร์เก็ตเพลสครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 76.6% ทำให้ช่องทางนี้กลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการหาไอเดียดรอปชิปปิ้งและดูว่าสินค้าแบบไหนกำลังมาแรง
เริ่มต้นจากหน้ารวมสินค้าขายดี (Top Products) บน Amazon, Etsy และ Walmart โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสินค้ายอดนิยมในแต่ละหมวดหมู่ หรือสินค้าที่มีสัญลักษณ์ “ขายดี” หรือ “กำลังขายเร็ว”
จากนั้นต่อยอดการค้นหาไปยังมาร์เก็ตเพลสสำหรับขายส่ง เช่น AliExpress และ SaleHoo ซึ่งหลายแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นแคตตาล็อกสำหรับดรอปชิปปิ้งด้วยเช่นกัน ดังนั้นสินค้ายอดนิยมที่คุณเห็นก็มักจะพร้อมสำหรับนำไปขายในรูปแบบดรอปชิปได้ทันที
Pinterest Trends

ใช้ Pinterest Trends เพื่อค้นพบพินที่กำลังเป็นที่นิยมในเดือนที่ผ่านมา
Pinterest เป็นแพลตฟอร์มลูกผสมระหว่างโซเชียลมีเดียกับเสิร์ชเอนจิน ที่ให้ผู้ใช้งานบันทึก "พิน" ลงในบอร์ดไอเดียเสมือนจริงของตัวเองได้ ลองใช้เครื่องมือ Pinterest Trends เพื่อตรวจสอบว่าในช่วงสัปดาห์หรือเดือนที่ผ่านมา คนกำลังเซฟหรือให้ความสนใจกับอะไรเยอะที่สุด จากนั้นนำไอเดียไปต่อยอดด้วยการดรอปชิปสินค้าที่คล้ายกันผ่านร้านค้าออนไลน์ของคุณเอง
Trendhunter

Trendhunter วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อหาเทรนด์สินค้าใหม่ๆ เช่น “ครีมกันแดดระดับสูงแต่เนื้อบางเบา” ที่กำลังมาแรง
Trendhunter แพลตฟอร์มนี้ใช้ข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และทีมวิจัย เพื่อค้นหาสินค้ากระแสที่มีแนวโน้มเติบโต ตัวอย่างสินค้าล่าสุดที่ถูกค้นพบ ได้แก่ เสื้อผ้าผู้ชายที่ย่อยสลายได้ และสนีกเกอร์สีชมพูหม่น
คุณสามารถเข้าไปสำรวจไอเดียธุรกิจออนไลน์ใหม่ๆ บนเว็บไซต์ Trendhunter ได้เลย ก่อนที่ตลาดจะอิ่มตัว
100+ ไอเดียดรอปชิปปิ้งน่าสนใจในปี 2025
- สินค้าความงามและดูแลผิว
- เสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่น
- เครื่องประดับ/จิวเวลรี่
- หนังสือ
- งานศิลปะ / ภาพตกแต่งบ้าน
- กาแฟและอุปกรณ์ดริป
- สินค้าที่มีส่วนผสมของ CBD
- สินค้าแม่และเด็ก
- สินค้าเกี่ยวกับฟิตเนส
- สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์
- เครื่องมือสำหรับบ้าน
- เฟอร์นิเจอร์
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ความงามและการดูแลผิว
ในปี 2023 อุตสาหกรรมความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลทั่วโลกสร้างรายได้กว่า 9.7 ล้านล้านบาทและตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มน้ำหอม สกินแคร์ และเครื่องสำอาง
ผู้คนยินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อดูแลรูปลักษณ์และแก้ปัญหาผิวพรรณต่างๆ นี่จึงเป็นโอกาสทองที่คุณสามารถคว้าไว้ได้ ด้วยการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ดรอปชิป เพื่อนำเข้าสินค้าความงามต่างๆ และนำไปขายต่อบนร้านค้าออนไลน์ในราคาที่ทำกำไรได้
ไอเดียดรอปชิปปิ้งยอดนิยมในกลุ่มความงามและสกินแคร์ ได้แก่
- มอยส์เจอไรเซอร์
- คลีนเซอร์/เจลล้างหน้า
- รองพื้น
- คอนซีลเลอร์
- น้ำหอม
- ที่ตัดเล็บ
- กระเป๋าเครื่องสำอาง
- แผ่นมาส์กใต้ตาแบบเย็น
- ลูกกลิ้งนวดหน้า
- ครีมแต้มสิว
- ครีมกันแดด
- ลิปบาล์ม
เสื้อผ้าและเครื่องประดับ
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าทั่วโลกนับว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 64 ล้านล้านบาท การหา “กลุ่มย่อย” ที่เฉพาะทาง เช่น สินค้าแฟชั่นเสริม หรืออุปกรณ์เอาต์ดอร์สำหรับดรอปชิป ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทำกำไรที่น่าสนใจในยุคขายของออนไลน์
Colton Horn ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่มพลังงาน Breinfuel ชี้ว่า สินค้าสาย athleisure (เสื้อผ้าออกกำลังกายที่ใส่ลำลองได้) อย่างเสื้อกล้าม สปอร์ตบรา และกางเกงเลกกิ้ง เป็นกลุ่มสินค้าที่ทำกำไรได้ดีมาก “แม้แต่คนที่แค่ต้องการชุดใส่นั่งชิลที่บ้านก็ยังซื้อ”
หนึ่งในไอเทมที่กำลังฮิตสุดๆ และขายดีใน TikTok คือ กางเกงเลกกิ้งดีไซน์ scrunch ด้านหลัง ซึ่ง Horn มองว่าเป็นไอเดียดรอปชิปปิ้งที่ยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง
ไอเดียดรอปชิปปิ้งยอดนิยมในหมวดเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ได้แก่
- หมวกแฟชั่น
- ถุงเท้า
- เสื้อยืด
- สปอร์ตบรา
- เสื้อฮู้ด
- กางเกงว่ายน้ำผู้ชาย
- กางเกงคาร์โก้
- ชุดเพื่อนเจ้าสาว
- แอคเซสซอรี่แฟชั่น
- ชุดแฟนซี
👕 อ่านต่อ: 15 ซัพพลายเออร์เสื้อผ้าดรอปชิปที่ดีที่สุด
เครื่องประดับ
ผู้บริโภคออนไลน์ใช้จ่ายกับสินค้าหมวดเครื่องประดับมากกว่า 2.7 ล้านล้านบาทต่อปี หากคุณอยากเริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับแต่ไม่มีเวลา หรือไม่มีทักษะด้านการผลิตสินค้าเอง การดรอปชิปสินค้าที่ผู้ผลิตทำไว้แล้วก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก
เทรนด์เครื่องประดับทองแบบ Chunky กำลังกลับมาแรง และเป็นหนึ่งใน ไอเดียดรอปชิปปิ้ง ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นแหวนทองทรงหนา สร้อยคอ หรือ ต่างหูวงกลมทองแบบวินเทจ (gold hoop earrings) ที่ตอนนี้กำลังถูกค้นหาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ไอเทมเครื่องประดับอื่นๆ ที่น่าดรอปชิปในปีนี้ ได้แก่
- แหวน
- สร้อยคอ
- เครื่องประดับทองแท้/เงินแท้
- เครื่องประดับแฟนซี
- เครื่องประดับวันครบรอบ
- แหวนแต่งงาน
- อัญมณี / หินนำโชค
- สร้อยข้อมือ
หนังสือ
แม้ว่าชาวอเมริกันเกือบครึ่งจะยอมรับว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยในปีที่ผ่านมา แต่อีกครึ่งหนึ่งยังคงเพลิดเพลินกับโลกการพิมพ์ที่หลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเล่มจริง, E-book, หนังสือเสียง ไปจนถึงคอนเทนต์บทความยาวบนออนไลน์
หากคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้งในกลุ่มหนังสือ อย่าเพิ่งรีบขายทุกประเภทที่หาได้ เพราะกุญแจของการทำเงินอยู่ที่ "การเจาะตลาดเฉพาะทาง" เช่น วัสดุประกอบการเรียนระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งนักศึกษามักใช้จ่ายเฉลี่ยปีละประมาณ 12,000 บาท กับหนังสือเรียนเหล่านี้
นอกจากนี้ หนังสือกลุ่มอื่น ๆ ที่เหมาะกับการดรอปชิป ได้แก่
- นวนิยาย
- หนังสือสารคดี
- หนังสือเรียนภาษา
- หนังสือศาสนา
- หนังสือพิมพ์ตัวใหญ่ (สำหรับผู้สูงวัย)
- อัตชีวประวัติ
- หนังสือสำหรับเด็กปฐมวัย
งานศิลปะ

ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะจากซัพพลายเออร์บน Alibaba
ยอดขายงานศิลปะออนไลน์อาจมีความผันผวน แต่ก็สามารถพุ่งทะยานได้เมื่อถึงช่วงเวลาที่ตลาดเหมาะสม โดยในปี 2023 อุตสาหกรรมนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีถึง 7.3%
จุดแข็งของการดรอปชิปสินค้าในกลุ่มศิลปะก็คือ ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินหรือผู้เชี่ยวชาญ คุณสามารถเลือกดรอปชิปงานศิลป์ชั้นสูงที่มีราคาต่อชิ้นสูงถึงหลักหมื่น หรือเลือกขายภาพวาดทำมือที่นำไปพิมพ์ซ้ำและจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยาได้เช่นกัน
หากคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้งที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ ลองพิจารณาสินค้าเหล่านี้
- ภาพพิมพ์ (Prints)
- ดินสอวาดภาพศิลป์
- รูปปั้น 3 มิติ
- ของตกแต่งผนัง
- สมุดภาพระบายสี
- เข็มกลัดเคลือบ (Enamel pins)
- เคสโทรศัพท์
- การ์ดอวยพร
- ชุดศิลปะสำหรับเด็ก
กาแฟ
คุณรู้หรือไม่ว่า คนที่ดื่มกาแฟส่วนใหญ่มักไม่หยุดแค่แก้วเดียว? พฤติกรรมการดื่มที่ “ติดใจทุกวัน” แบบนี้ คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อุตสาหกรรมกาแฟเติบโตอย่างมหาศาล โดยในปี 2023 มูลค่าตลาดทั่วโลกพุ่งสูงถึงกว่า 8.1 ล้านล้านบาท
ไอเดียดรอปชิปปิ้งสำหรับสายกาแฟจึงน่าสนใจมาก โดยคุณสามารถหาซัพพลายเออร์ที่รับดรอปชิปสินค้าเกี่ยวกับกาแฟ เช่น Dripshipper หรือ Aroma Ridge และเพิ่มฉลากแบรนด์ของตัวเองเพื่อขายในราคาที่สูงขึ้นบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณได้เลย
สินค้ายอดนิยมที่สามารถขายผ่านร้านกาแฟออนไลน์ ได้แก่
- เมล็ดกาแฟ
- กาแฟแบบซอง
- กาแฟแคปซูล
- เครื่องชงกาแฟ
- ถุงเก็บกาแฟ
- เครื่องบดกาแฟ
- น้ำเชื่อมแต่งกลิ่นกาแฟ
ผลิตภัณฑ์ CBD
ผลิตภัณฑ์ CBD หรือ Cannabidiol คือสินค้าที่สกัดจากกัญชง (Hemp) โดยไม่มีสารออกฤทธิ์ทางจิตอย่าง THC จึงไม่ทำให้ “เมา” แต่อย่างใด ปัจจุบันชาวอเมริกันกว่า 60% เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ CBD และ 29% ในกลุ่มผู้ใช้ประจำมีการใช้จ่ายมากกว่า 1,800 บาทต่อเดือนกับสินค้ากลุ่มนี้
ไอเดียดรอปชิปปิ้งสาย CBD ถือว่าน่าสนใจ แต่คุณต้องตรวจสอบก่อนว่า กฎหมายในประเทศหรือพื้นที่ของคุณอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้หรือไม่ เช่น ต้องมีการจำกัดอายุผู้ซื้อ หรือซัพพลายเออร์ที่คุณเลือกมีใบรับรองจาก FDA หรือไม่
หากคุณสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ CBD ได้ตามกฎหมายในพื้นที่ ลองเริ่มจากสินค้ายอดนิยมเหล่านี้
- น้ำมัน CBD
- อาหารเสริม
- ทิงเจอร์ CBD
- โลชั่นและครีมทาผิว
- น้ำมัน CBD สำหรับสัตว์เลี้ยง
- บาธบอมบ์
- สเปรย์ CBD
สินค้าสำหรับเด็ก
คุณพ่อคุณแม่และผู้ดูแลเด็กใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กมากกว่า 2.4 ล้านล้านบาทต่อปี และตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบแตะ 3.6 ล้านล้านบาทภายในปี 2027
ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ในสายสินค้าเด็กกำลังเติบโตอย่างน่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือ "ตลาดจัดงานประกาศเพศลูก (Gender Reveal)" ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ เช่น มิสซิสซิปปี ตามข้อมูลจาก Google Trends
คุณสามารถต่อยอดไอเดียดรอปชิปปิ้งได้โดยขายสินค้าที่ใช้สำหรับจัดงานเฉลยเพศลูกแบบสนุก ๆ และน่ารัก หรือเลือกขายสินค้าเด็กทั่วไปที่ยังคงได้รับความนิยมสูง เช่น
- ของเล่นเด็ก
- ผ้าอ้อม
- รถเข็นเด็ก
- ประตูรั้วกันเด็กตกบันได
- เครื่องปั๊มน้ำนม
- อาหารเด็กออร์แกนิก
- กล้องดูเด็ก
- แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม
- เป้อุ้มเด็ก
- เบาะนั่งเสริมในรถยนต์
สินค้าสายฟิตเนส
ช่วงที่เกิดโควิด-19 หลายคนเริ่มออกกำลังกายที่บ้านมากขึ้น และแม้สถานการณ์จะคลี่คลาย แต่พฤติกรรมการดูแลสุขภาพก็ยังคงอยู่ต่อเนื่อง
หนึ่งในไอเดียดรอปชิปที่ได้รับความนิยมคือ "อุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกาย" หรือ Fitness Tracker โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2027 ยอดจัดส่งสมาร์ทวอทช์จะทะลุ 402 ล้านเรือน และในปี 2022 ผู้บริโภคทั่วโลกใช้เงินไปกว่า 3.3 ล้านล้านบาทกับอุปกรณ์ประเภทนี้
นอกจากเทคโนโลยีด้านสุขภาพแล้ว คุณยังสามารถดรอปชิปสินค้าออกกำลังกายอื่น ๆ ที่เป็นที่ต้องการได้ เช่น
- เสื่อโยคะ
- ลูกกลิ้งโฟม
- ถุงมือฟิตเนส
- เชือกกระโดด
- เวย์โปรตีน
- นาฬิกาออกกำลังกาย
- แทรมโพลีน
- แผ่นสเต็ปออกกำลังกาย
- ยางยืดแรงต้าน
สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
มีบ้านในอเมริกามากกว่า 82 ล้านหลังที่เลี้ยงสัตว์ ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าสูงถึงกว่า 5.4 ล้านล้านบาทต่อปี
ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้งที่น่าสนใจ ธุรกิจสายสัตว์เลี้ยงคือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เช่น อาหารเสริมสำหรับสุนัข ที่เจ้าของยินดีจ่ายเฉลี่ยปีละประมาณ 2,900 บาท เพื่อดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
สินค้าสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่เหมาะสำหรับดรอปชิป ได้แก่
- อาหารสัตว์
- สายจูง
- ปลอกคอ
- ทรายแมว
- กระดูกดิบ
- เมล็ดอาหารนก
- ขวดน้ำสำหรับกรงสัตว์
- เสื้อคลุมแห้งสำหรับสัตว์
- ป้ายชื่อสัตว์เลี้ยง
- ชามอาหารแบบกันกินเร็ว
- สนามหญ้าสำหรับขับถ่าย
อุปกรณ์เสริมรถยนต์
ในปี 2023 มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกกว่า 75.3 ล้านคัน ซึ่งหมายความว่ามีผู้บริโภคนับล้านที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการขับขี่ของตนเอง นี่คือโอกาสทองในการสร้างรายได้จากไอเดียดรอปชิปปิ้งด้วยการขายอุปกรณ์เสริมสำหรับรถยนต์
อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นชิ้นส่วนตัวถังหรืออะไหล่เครื่องยนต์เสมอไป ผู้ใช้จำนวนมากมักเลือกของแต่งรถเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้ภายในรถดูดีและใช้งานสะดวกขึ้น
TikTok ก็เป็นแหล่งไอเดียที่ดีมากในการหาแรงบันดาลใจสำหรับสินค้าดรอปชิปประเภทนี้ เพียงค้นหาคำว่า “car accessories” ก็จะเจอคลิปไวรัลนับสิบที่มีผู้ชมหลายล้านวิว ซึ่งผู้ใช้แชร์ของแต่งรถสุดเจ๋งที่ซื้อจาก Amazon คุณสามารถนำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้กับสินค้าร้านคุณได้ เช่น
- น้ำหอมปรับอากาศในรถ
- พรมปูพื้นรถ
- ชุดทำความสะอาดรถ
- ที่วางแก้ว
- ปลอกหุ้มพวงมาลัย
- กล้องติดรถยนต์ (Dash Cam)
- เครื่องดูดฝุ่นในรถ
- หมอนรองคอ
- ที่ยึดแท็บเล็ตในรถ
- กล่องจัดระเบียบท้ายรถ
- ใบปัดน้ำฝน
เครื่องมือและอุปกรณ์ในบ้าน
ยอดขายสินค้าในกลุ่มตกแต่งและปรับปรุงบ้านคาดว่าจะทะลุ 600,000 ล้านบาทภายในปี 2027 ทำให้เป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุด หากคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้ง ที่มีศักยภาพ สินค้าในหมวดของใช้ในบ้านนับว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
Thomas Sleeth ผู้ก่อตั้ง Dropshipping Hustle มองว่า กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านเหมาะมากสำหรับมือใหม่ในวงการดรอปชิปปิ้ง โดยเขากล่าวว่า
“กลุ่มสินค้าดรอปชิปที่ดีที่สุดในปีนี้คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตแบบอิสระจากระบบ หรือแนว homesteading” กลุ่มสินค้านี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสินค้าหลากหลายให้เลือกขายทั้งแบบราคาสูงและราคาย่อมเยา
ไอเทมยอดนิยมในกลุ่มสินค้าภายในบ้านที่เหมาะกับการดรอปชิป ได้แก่
- ปลั๊กพ่วง
- กริ่งประตู
- บันไดพับ
- กล้องวงจรปิด
- ที่กำจัดขุยผ้า
- ตู้แช่ไวน์
- เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือ
- เครื่องทำความสะอาดพรม
- ไฟตกแต่งบ้าน
เฟอร์นิเจอร์
ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้ง สายของใช้ในบ้านที่มีกำไรต่อชิ้นสูง เฟอร์นิเจอร์คือหมวดที่น่าจับตา เพราะสินค้าประเภทนี้มักมีราคาสูงกว่าสินค้ากลุ่มเครื่องมือหรือของใช้ทั่วไป เช่น ที่นอนขนาดควีนแบบไฮบริด ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท
ความท้าทายของการดรอปชิปเฟอร์นิเจอร์คือ ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสหรือทดลองสินค้าได้ก่อนตัดสินใจซื้อ วิธีลดความลังเลคือการให้ข้อมูลสินค้าครบถ้วน เช่น ภาพถ่ายสินค้าหลายมุม, รีวิวจากลูกค้าจริงที่เคยสั่งซื้อ หรือขนาดจริงของเฟอร์นิเจอร์เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอย
สินค้าในหมวดเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสำหรับการดรอปชิป ได้แก่
- กระจกเงา
- เบาะถั่ว (Bean Bags)
- ชั้นวางหนังสือ
- พรมแต่งบ้าน
- โคมไฟ
- โต๊ะข้างเตียง
- เก้าอี้รับประทานอาหาร
- ชั้นวางของ
- เก้าอี้สำนักงาน
- โต๊ะทำงานแบบยืน (Standing Desk)
อิเล็กทรอนิกส์

หมวดหมู่ย่อยที่แนะนำของ Amazon ภายใต้หมวดอิเล็กทรอนิกส์ Amazon
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียดรอปชิปปิ้งที่ทำเงินได้จริง เพราะมีผู้บริโภคทั่วโลกใช้จ่ายกับสินค้าเทคโนโลยีสูงทุกปี คาดการณ์ว่าในปี 2029 ตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคจะมีมูลค่ารวมกว่า 38 ล้านล้านบาท
ถึงแม้ว่าจะมีซัพพลายเออร์ให้เลือกมากมายบนแพลตฟอร์มดรอปชิปชื่อดัง แต่สินค้ากลุ่มนี้ก็จัดอยู่ในหมวดที่มีการควบคุมเข้มงวด เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้โดยตรง ซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือควรมีใบรับรองการทดสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า (PAT) เพื่อยืนยันว่าสินค้าได้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยแล้ว
หากคุณอยากต่อยอดตลาดนี้ให้กลายเป็นธุรกิจดรอปชิปที่มั่นคง ลองเริ่มจากการหาสินค้าที่กำลังเป็นกระแส เช่น
- สายชาร์จ
- กล้องถ่ายรูป
- หูฟัง
- ระบบนำทาง GPS
- หมึกพิมพ์
- น้ำยาทำความสะอาดหน้าจอ
- รีโมตทีวี
- เมมโมรี่การ์ด
- ลำโพงอัจฉริยะ
- เคสโทรศัพท์
- กาต้มน้ำไฟฟ้า
วิธีเลือกไอเดียดรอปชิปปิ้งให้ปังตั้งแต่เริ่ม
แม้โมเดลดรอปชิปปิ้งจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าอยากเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้ได้จริง การ "ตรวจสอบไอเดียก่อนลงมือทำ" คือหัวใจสำคัญ
ตรวจสอบความต้องการของตลาด
ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้ากับไอเดียใดไอเดียหนึ่ง แนะนำให้ตรวจสอบก่อนว่าสินค้าที่คุณสนใจนั้นมีความต้องการในตลาดมากน้อยแค่ไหน
คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Google Trends เพื่อดูแนวโน้มการค้นหาย้อนหลังของคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้นๆ โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดที่มีกราฟเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดกำลังให้ความสนใจ
Thomas จาก Dropshipping Hustle แนะนำให้ใช้ Google Trends เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของความสนใจในสินค้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเสริมด้วยเครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดอื่นๆ เพื่อตรวจสอบปริมาณการค้นหาต่อเดือน
หากคุณกำลังพิจารณาหลายไอเดียพร้อมกัน การใช้ฟีเจอร์เปรียบเทียบของ Google Trends จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าแนวโน้มของแต่ละคำมีทิศทางอย่างไร และสามารถเลือกไอเดียที่มีศักยภาพสูงสุดได้อย่างมั่นใจ
เช็กคู่แข่งในตลาด
หากคุณเลือกทำดรอปชิปปิ้งในตลาดที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่ดุเดือด โฆษณาแบบเสียเงิน (Paid Ads) จะมีต้นทุนสูงขึ้น และคีย์เวิร์ดสำหรับสินค้าหลักก็จะแข่งขันกันสูงตามไปด้วย
ในทางกลับกัน ถ้าคุณเจาะเข้าสู่ตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่มีใครทำเลย ก็มีความเสี่ยงที่ตลาดนั้นอาจไม่มีลูกค้ารองรับมากพอ และคุณอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะสร้างยอดขายและกำไรได้จริง
สุดท้ายแล้ว การเลือกไอเดียดรอปชิปปิ้งไม่มีสูตรตายตัวว่าควรมีความต้องการในระดับไหน ตลาดที่มีการแข่งขันสูงก็มีข้อดีของมัน เช่น การันตีกระแสความนิยม ขณะที่ตลาดเฉพาะก็มีโอกาสสร้างแบรนด์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องสู้กับเจ้าตลาด การตัดสินใจควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายและแนวทางที่คุณต้องการสร้างธุรกิจของตัวเองในระยะยาว
การแข่งขันต่ำ
ถ้าคุณลองหาข้อมูลแล้วพบว่าแทบไม่มีร้านไหนขายสินค้าที่คุณอยากทำดรอปชิป นั่นไม่ใช่สัญญาณแย่เสมอไป การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มอาจเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดสำหรับสร้างธุรกิจระยะยาว
ข้อดี
- โอกาสโดดเด่นในตลาดมีมากกว่า เพราะคู่แข่งน้อย
- สร้างความภักดีกับลูกค้าได้ง่าย หากคุณเป็นแบรนด์ที่คนจดจำในสินค้าเฉพาะทาง
- ไม่ต้องลดราคาสู้กับคู่แข่งจำนวนมาก
ข้อเสีย
- ไอเดียดรอปชิปปิ้งบางรายการ ความต้องการอาจไม่สูงเท่าตลาดใหญ่
- ต้องเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
- การหาลูกค้าและเปลี่ยนให้เป็นผู้ซื้อจริงอาจมีต้นทุนสูงกว่าในตลาดทั่วไป
การแข่งขันสูง
แม้จะมีดรอปชิปเปอร์อีกนับร้อยที่ขายสินค้าคล้ายกันจนยากจะแตกต่าง แต่นั่นก็เป็นสัญญาณชัดว่าตลาดมีความต้องการอยู่จริง ลองดูว่าแบรนด์เหล่านั้นตั้งราคายังไง และคุณสามารถแข่งขันได้หรือไม่
ข้อดี
- มีความต้องการจากลูกค้าพิสูจน์แล้ว
- มีตัวเลือกซัพพลายเออร์หลากหลาย
- ถ้าแบรนด์ของคุณมีเอกลักษณ์ อาจตั้งราคาสูงกว่าสินค้าคล้ายกันได้
ข้อเสีย
- ยากที่จะโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งรายใหญ่
- มักต้องแข่งกันที่ราคา แม้มาร์จิ้นจะต่ำอยู่แล้ว
- ต้องวางจุดขายที่ชัดเจนตั้งแต่แรก และทำการตลาดอย่างเข้มข้น
มองหาซัพพลายเออร์ดรอปชิป
ซัพพลายเออร์ คือหัวใจของธุรกิจดรอปชิปปิ้ง เพราะเป็นผู้ผลิต แพ็กของ และจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกไอเดียดรอปชิปปิ้งแบบไหน ต้องมั่นใจว่ามีซัพพลายเออร์ที่คุณสามารถร่วมงานได้จริง
ลองใช้แพลตฟอร์มอย่าง
ที่สำคัญที่สุดคือเลือกซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้ เพราะหากมีปัญหาเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ ไม่ว่าจะเป็นจัดส่งผิดหรือคุณภาพไม่ตรง ลูกค้าจะมาติดต่อคุณ ไม่ใช่ซัพพลายเออร์ เนื่องจากพวกเขาทำงานอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นคุณควรสอบถามข้อมูลล่วงหน้า เช่น อัตราความแม่นยำในการจัดส่ง รีวิวจากลูกค้าเดิม และจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจกระทบต่อชื่อเสียงแบรนด์ของคุณเอง
สั่งตัวอย่างมาลองใช้
ธุรกิจดรอปชิปไม่ใช่สิ่งที่เริ่มต้นได้แบบไม่ใช้เงินเลย—เพราะลูกค้ามักยอมจ่ายแพงขึ้นหากได้สินค้าที่คุณภาพดีกว่า คุณจึงควรพิจารณาว่าการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพจากซัพพลายเออร์นั้น “คุ้ม” หรือไม่ ด้วยการสั่งสินค้าตัวอย่างมาทดสอบด้วยตัวเอง
ลองนึกภาพว่าซัพพลายเออร์ของคุณมีสายแรงต้าน (Resistance Band) อยู่ 3 แบบให้เลือก
- สินค้า A: ต้นทุน 2.49 บาท ผลิตจากยางคุณภาพต่ำ
- สินค้า B: ต้นทุน 3.69 บาท ผลิตจากยางคุณภาพสูง
- สินค้า C: ต้นทุน 6.29 บาท ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หากคุณกำลังมองหาไอเดียดรอปชิปปิ้งที่ทำกำไรสูงสุด อาจคิดว่าสินค้า A เป็นตัวเลือกที่เหมาะ เพราะต้นทุนต่ำ ทำให้มีมาร์จิ้นสูงกว่า จริงไหม?
แต่ในความเป็นจริง ผู้บริโภคจำนวนมากยอมจ่ายเพิ่มเพื่อความยั่งยืน เช่น หากคุณสั่งสินค้าทั้ง 3 แบบมาลองใช้ แล้วสอบถามกลุ่มเป้าหมายดู อาจพบว่าลูกค้ายินดีจ่าย 28 บาท สำหรับสินค้า C คิดเป็นกำไรถึง 79% (เทียบกับ 25% ของ A และ 43% ของ B)
การสั่งตัวอย่างล่วงหน้ายังช่วยให้คุณได้ประสบการณ์จริงก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มสั่งซื้อ ทั้งในแง่ของการสื่อสารระหว่างจัดส่ง ประสบการณ์ตอนแกะกล่อง และความประทับใจแรกของสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ลูกค้าของคุณจะได้สัมผัสเช่นกัน
สำรวจกลุ่มเป้าหมายของคุณ
กลุ่มเป้าหมายหมายถึงกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าของคุณ แทนที่จะคิดไอเดียดรอปชิปปิ้งขึ้นมา แล้วหวังว่าจะมีตลาด ลองเริ่มจากการสำรวจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ก่อน ว่าพวกเขา
- มีแนวโน้มจะซื้อสินค้านี้หรือไม่
- จะรู้จักสินค้านี้จากช่องทางไหน (ช่วยระบุช่องทางทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ)
- ยินดีจ่ายในราคาประมาณเท่าไร
อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้มีจุดที่มักพาให้เข้าใจผิดอยู่ 2 อย่างคือ
- คนเรามักตอบไม่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาจะทำจริง โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีเรื่อง “เงินจริง” เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงยากที่จะได้คำตอบที่สะท้อนความจริง
- เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่มักไปสอบถามคนใกล้ตัว อย่างเพื่อนหรือครอบครัว ซึ่งมักตอบว่า “ซื้อแน่นอน” เพื่อไม่อยากให้คุณรู้สึกแย่ ทั้งที่อาจไม่ได้สนใจสินค้านั้นจริงๆ
วิธีแก้คือ ถามคำถามแบบตรงประเด็น เพื่อพิสูจน์ว่าไอเดียธุรกิจของคุณ “ขายได้จริง” หรือแค่ดูดีในหัว เช่น
- สินค้านี้จะเปลี่ยนชีวิตหรือกิจวัตรประจำวันคุณอย่างไร?
- ตอนนี้คุณใช้สินค้าอะไรอยู่เพื่อแก้ปัญหานี้?
- ฟีเจอร์ไหนในสินค้าประเภทนี้ที่คุณชอบ/ไม่ชอบที่สุด?
คำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินศักยภาพของตลาด และปรับปรุงสินค้าก่อนลงทุนจริงได้อย่างมีข้อมูลรองรับ
คำนวณกำไรของคุณ
หลังจากหักต้นทุนจากราคาส่งและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว ยังเหลือกำไรอยู่หรือเปล่า? ไอเดียธุรกิจที่ดีคือไอเดียที่คุณสามารถหาสินค้ามาในราคาต่ำ แล้วนำไปขายในราคาที่สูงขึ้นได้
คุณสามารถใช้เครื่องมือคำนวณกำไรของ Shopify ฟรี เพื่อดูว่า หลังจากซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์และจ่ายค่าบริการแพ็ก ส่ง และจัดการแล้ว คุณจะเหลือเงินเท่าไหร่ในแต่ละรายการขาย

หากคุณซื้อสินค้าในราคาชิ้นละประมาณ 128 บาท และตั้งราคาขายเพิ่ม 50% คุณจะได้กำไรประมาณ 64 บาท
กลยุทธ์หนึ่งคือหาสินค้าที่ถูกที่สุด แล้วขายในราคาสูงที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะคุณอาจต้องเร่งขายให้ได้จำนวนมาก แทนที่จะโฟกัสกับลูกค้าคุณภาพและสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ถ้าการเพิ่มกำไรคือเป้าหมายสูงสุดของคุณ ควรลงทุนกับการสร้างแบรนด์ ลูกค้ามักยอมจ่ายแพงขึ้นถ้าได้ซื้อกับแบรนด์ที่
- ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน
- มีคอมมูนิตี้ที่แข็งแรง
- มีคุณค่าแบรนด์ที่ชัดเจน
แม้ว่าต้นทุนสินค้าหรือราคาขายของคู่แข่งจะต่ำ แต่คุณก็สามารถทำให้แบรนด์ดรอปชิปของคุณกลายเป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคเลือก เมื่อพวกเขาต้องการ “มากกว่าของธรรมดาทั่วไป”
เริ่มต้นธุรกิจดรอปชิปปิ้งของคุณวันนี้
ความสำเร็จของร้านดรอปชิปขึ้นอยู่กับการเลือกสินค้าที่ใช่
สร้างร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ใช้งานง่าย และต้นทุนต่ำบน Shopify เพื่อทดลองไอเดียธุรกิจดรอปชิปของคุณ พร้อมทดสอบกลยุทธ์การตลาดไปในตัว เลือกสินค้าระหว่าง 3–5 รายการภายในกลุ่มตลาดเดียวกัน แล้วโฟกัสกับสินค้าที่ขายได้จริง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไอเดียดรอปชิปปิ้ง
ไอเดียดรอปชิปปิ้งแบบไหนที่ดีที่สุด?
- มีคู่แข่งไม่มากเกินไป
- สินค้ามีคุณภาพ
- มีกำไรต่อหน่วยที่เหมาะสม
- หาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือได้
- สินค้าเข้ากับความต้องการของตลาด
สินค้าประเภทใดที่ประสบความสำเร็จในโมเดลดรอปชิป?
- กาแฟ
- เครื่องประดับ
- เสื้อผ้า
- หนังสือ
- แอ็กเซสซอรี
สินค้าอะไรที่น่าจะมาแรงในปีนี้?
- กระเป๋าสำหรับสัตว์เลี้ยง
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน
- อุปกรณ์ต่อขนตาปลอม
- โต๊ะทำงานแบบยืน
- แผ่นรองโต๊ะทำงาน